เรื่องนี้คุณหมอบอกว่ามันปกติที่ผู้หญิงแต่ละคนจะถูกเร้าด้วยอะไรที่แตกต่างกันไป ดังนั้นบอกไม่ได้บอกว่าอันไหนคือปกติ อันไหนไม่ปกติ สำหรับเรื่องนี้ ถ้ารู้สึกหวิว ๆ นิดนึงตอนนั่งลงไปล่ะก็ไม่มีอันตรายอะไร ไม่จำเป็นต้องรู้สึกตกอกตกใจ แต่ถ้ามันมากกว่านั้นจนรบกวนความรู้สึกของคุณมาก ๆ ละก็จะลองไปปรึกษาแพทย์ก็ได้
ไอ้เจ้าสิ่งขาวๆ เฉยๆไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง สิ่งที่ออกมาจากตรงนั้นของผู้หญิงจริงๆ แล้วมีหลากหลายมาก ความเปลี่ยนแปลงของมันก็เนื่องมาจากรอบฮอร์โมน แต่เมื่อมันมากับกลิ่นเหม็นแปลกๆ ก็ชักจะน่าสงสัยขึ้นหน่อย เพราะอาจจะเป็นสัญญาณของอะไรก็ได้ตั้งแต่การติดเชื้อแบคทีเรีย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นถ้ามีกลิ่นก็ควรจะปรึกษาแพทย์ดูเพื่อวินิจฉันว่าเป็นอะไรอันตรายหรือไม่
ผู้หญิงทั่วไปจะมีรอบเดือนราว 25-35 วัน แต่ถ้ารอบของคุณระยะสั้นกว่านั้น (ซึ่งทำให้ประจำเดือนมามากกว่า 1 ครั้งในหนึ่งเดือน) ก็เป็นไปได้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน เช่นไทรอยด์ทำงานต่ำกว่าปกติ หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะไม่มีการตกไข่ ซึ่งควรจะไปปรึกษาแพทย์ดู คุณหมอก็จะสอบถามอาการก่อนทำการตรวจสอบร่างกายว่าเป็นอะไรกันแน่
ไอ้เจ้าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันมาจาก มีลมขังอยู่ในช่องคลอด แล้วพอสาวๆ ขยับตัวในบางท่า ลมนั้นก็เลยถูกปล่อยออกมา เรื่องนี้คุณหมอฝรั่งจากเรื่องต้นทางเขาแนะนำให้ใช้ผ้าอนามัยแบบสอดเพื่อบล็อกไม่ให้ลมเข้าหรือออกมาได้ ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม
เจ้าสิ่งที่ดูเป็นปุ่ม ๆ นั้นไม่ใช่สิว แต่เป็นผลที่เกิดจากวิธีกำจัดขนเช่นการโกน การแก้ไขก็เพียงแต่ยุติการโกนไปชั่วคราวให้ผิวได้พักบ้าง หรือหากจำเป็นต้องกำจัดขนตรงนั้น (เพื่อจะใส่บิกินี่เป็นต้น) ก็ควรใช้วิธีแว็กซ์หรือเลเซอร์แทน แต่หากไม่ได้โกนอะไรแล้วพวกปุ่มๆ ตุ่มๆ เหล่านั้นยังไม่หายไปละก็...คราวนี้คงต้องปรึกษาคุณหมอดูว่านั่นมันจะเป็นผื่นแพ้หรือติดเชื้ออะไรไหม
เรื่องนี้คุณหมอฟันธงเลยว่ามันปกติสุดๆ ตรงนั้นของผู้หญิงเกือบทั้งหมดน่ะไม่สมมาตรอยู่แล้ว แต่ถ้าใครอยากให้มันเท่ากันเป๊ะๆ ก็สามารถศัลยกรรมได้ แต่ผลสำรวจบอกว่า 37% ของผู้เข้ารับการศัลยกรรมนั้นทำเพื่อเหตุผลด้านความงามเท่านั้นเอง
คงต้องโทษฮอร์โมนเพศหญิงแล้วละ ก่อนประจำเดือนจะมา ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดระดับลงซึ่งมีผลทำให้ผิวหนังส่วนสงวนนั้นแห้ง ระคายเคือง และมีพร้อมจะคันได้มากกว่าเดิม คันธรรมดาๆ ไม่ได้แปลกอะไร แต่ถ้าคันสุด ๆ จนทนไม่ไหวแล้วละก็...เป็นไปได้ว่าจะเกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือช่องคลอดซะแล้ว ต้องไปปรึกษาแพทย์กันดูละทีนี้