Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

The Idol : จ๊อด 8 ริ้ว นักวาดการ์ตูนสะท้อนสังคมไทยสุดกวน

Posted By Plook Magazine | 11 ก.ย. 60
8,837 Views

  Favorite


เรารู้จัก Jod 8riew หรือ อมรลาภ พรหมสุวรรณ ผ่านลายเส้นเด็กมัธยมหน้าขาว ปากแดงแปร๊ดที่ขยันยกพวกตบกันอย่างน้องนุ่น เรื่องนั้นถือเป็นเวทีแจ้งเกิดของเขาเลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากนั้น เขาก็วาดการ์ตูนสะท้อนสังคม แสบ ๆ คัน ๆ ให้เราได้กดไลก์ กดแชร์ผ่านเฟซบุ๊กมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุดเขาก็ได้ล้อสังคมด้วยมุกรอยพญานาค ให้ได้ขำกันทั้งไทม์ไลน์ แม้ลายเส้นจะยียวนกวนโอ้ย เหน็บแนมสังคมสารพัด แต่เนื้อหากลับแฝงไปด้วยศีลธรรมอันดีงามให้เราตีความไปในทางที่ถูกที่ควร

 

จ๊อด 8 ริ้ว

 


จุดเริ่มต้นของการทำเพจ ทำไมต้องเป็น จ๊อด 8 ริ้ว    

เพจจ๊อด 8 ริ้วเป็นเพจที่ผมตั้งเอาไว้ลงพวกภาพล้อเลียนหรือการ์ตูนกับเพื่อนเฉย ๆ ครับ ตอนแรกไม่ได้จะตั้งชื่อว่า Jod 8riew ด้วยนะ แต่ใช้ชื่อว่า OmeagaJod เป็นชื่ออวตารที่ใช้เล่นเกม แต่พอเพจเริ่มมีคนติดตามผมก็อยากได้ชื่อที่มันดูเป็นทางการหน่อย พอดีช่วงนั้นนักเลงกำลังเป็นกระแส เขาจะฮิตตั้งชื่อแล้วตามด้วยถิ่นที่อยู่ เราก็เลยเอาบ้าง เลยได้ชื่อ จ๊อด 8 ริ้ว มาเพราะเราชื่อ จ๊อด และบ้านอยู่ที่ฉะเชิงเทรา เขาเรียกแถวนั้นเรียกว่า 8  ริ้ว    

 

ใครที่มีอิทธิพลให้คุณหัดจับดินสอหรือวาดรูปในตอนนั้น

คนเขียนดราก้อนบอล อาจารย์โทะริยะมะ อะกิระครับ เพราะลายเส้นเขาน่ารัก แต่อีกประเด็นที่ทำให้ผมชอบเขามากคือ เขาแอบใส่มุกเล็ก ๆ น้อย ๆ เข้าไปในการ์ตูนตลอด ซึ่งมันเพิ่มความสนุกให้คนอ่าน และมันเป็นมุกที่เข้าใจง่าย อีกอย่างคือ ตอนเด็ก ๆ ผมทำอะไรไม่เก่งสักอย่างครับ เรียนก็ไม่เก่ง เล่นกีฬาก็ไม่ได้ ไม่ค่อยเป็นจุดสนใจของใครเท่าไหร่ จนหันมาวาดรูป เพื่อน ๆ ก็เริ่มมาสนใจผมมากขึ้น    

 

"ใครที่ยังหาตัวเองไม่เจอ ผมแนะนำให้จริงจังกับเรื่องเล่น ๆ ก่อนครับ"

 

 

เคยมีปัญหาสับสนกับชีวิตตอนที่ยังเรียนอยู่ไหม เหมือนค้นหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้จะทำอะไร 

แนะนำให้จริงจังกับเรื่องเล่น ๆ ก่อน เพราะตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าเส้นทางที่แท้จริงของผมคืออะไร รู้แค่ว่าชอบวาดรูปมาก ผมต้องเรียนด้านศิลปะ โชคดีที่พอไปเรียนแล้วเจอรุ่นพี่ที่เขาชอบการ์ตูนเหมือนกัน ก็เลยไปฝึกวาดกับเขา ทำต้นฉบับส่งสำนักพิมพ์ด้วยกัน ติดบ้าง ไม่ติดบ้าง แต่มันก็ทำให้รู้ว่าเส้นทางของผมคืออะไร 

 

การเติบโตในประเทศที่ยังมองว่าการ์ตูนเป็นเรื่องไร้สาระส่งผลกับคุณหรือเปล่า

ส่งผลแค่ช่วงแรก ๆ เพราะอาจารย์ไม่ค่อยสนับสนุนครับ เช่น ถ้าเราบอกเขาว่าอยากวาดการ์ตูน เขาก็จะตอบกลับมาว่าจะขายได้เหรอ เขาอยากให้เด็กไปทางไฟน์อาร์ต ( Fine Arts ) หรือวาดภาพสีน้ำมันมากกว่าวาดการ์ตูน แต่ยุคนี้ไม่น่าจะเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ เพราะไม่ว่าเด็กอยากทำอะไร อาจารย์ควรสนับสนุนเขาเต็มที่ครับ  

 

ได้ยินมาว่าหลังจบปริญญาตรีคุณไปเรียนต่อเพราะรู้สึกว่าตัวเองยังห่วยอยู่

ใช่ครับ ด้วยความที่ก่อนหน้านั้นผมทำมาหลายอย่าง ทั้งหนังสั้น แอนิเมชั่นและการ์ตูน มันเลยทำให้ตอนเรียนจบผมค่อนข้างเคว้งคว้าง เพราะทำทุกอย่างแบบจับฉ่าย บวกกับตอนนั้นผมยังวาดรูปห่วยอยู่ เสนอสำนักพิมพ์ไหนไปเขาก็ไม่รับ เลยรู้ว่าพื้นฐานผมยังไม่แน่พอ เลยไปสอบปวส. ใหม่แล้วก็สอบเข้าช่างศิลป

 

ตอนนั้นฝึกหนักแค่ไหน 

เหมือนในหนังเลยครับ เพราะช่วงที่อยู่ช่างศิลปผมฝึกหนักมาก ปิดห้องมืดแล้วเปิดไฟดวงเดียวนั่งสเก็ตช์หุ่นนิ่ง ฝึกวาดรูปแข่งกับรุ่นพี่ ภายในหนึ่งนาทีต้องวาดให้เสร็จ บางวันนั่งสเก็ตช์ทิวทัศน์ทั้งวัน ซึ่งระหว่างเรียนอยู่รุ่นพี่คนเดิมเขาก็เอาผลงานที่ผมเคยทำแอนิเมชั่นไว้ไปเสนอกับบริษัทต่าง ๆ ผมก็ขอเขาไปทำฟรี ขายทุกอย่างที่มีเลยครับช่วงนั้น เกือบหมดตัวทั้งรับวาดภาพล้อทุกอย่างเพื่อที่จะได้ไปเช่าหออยู่ที่กรุงเทพฯ สุดท้ายเขาก็รับผมเข้าทำงาน 

 

แต่พอได้งานทำที่แรกก็รู้สึกไม่มีความสุข

พอทำแอนิเมชั่นไปสักพัก ผมรู้สึกว่าเริ่มเหนื่อยกับการใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ คือผมไม่ได้รู้สึกมีความสุขขนาดนั้นก็เลยวาดรูปเล่น ซึ่งหัวหน้าเขาก็คงเห็นแหละครับว่าผมแอบวาดรูปเล่น เขาก็เลยยุให้ผมวาดรูปแล้วใส่มุกเข้าไปด้วย จะได้ตลก ๆ จนคนเข้ามาติดตามเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มมีสำนักพิมพ์ติดต่อเข้ามา ผมก็เลยได้ทำเป็นการ์ตูนเล่มตั้งแต่ตอนนั้น 

 

เคยสงสัยไหมว่าทำไมคนถึงให้ความสนใจผลงานของคุณมากมายขนาดนี้ 

เหมือนผมพูดแทนเขาได้มั้งครับ คนทั่วไปเวลาเจอเรื่องน่าหงุดหงิด เช่น ขึ้น BTS แล้วเจอคนยืนพิงเสา หรือไม่ยอมลุกให้คนแก่นั่ง ส่วนมากเขาจะตั้งสเตตัสบ่นกัน แต่สำหรับผม ผมก็อยากบ่นนะ แต่ผมพิมพ์ไม่เก่งก็เลยเลือกที่จะสื่อมันออกมาเป็นภาพวาดแล้วใส่มุกตลกเข้าไปแทน เพราะผมถนัดกว่า 

 

ทำไมต้องเลือกสร้าง story แบบเสียดสีสังคมตลอดเลย

ผมอินกับมันมากกว่าแบบอื่นครับ และเรื่องเสียดสีสังคมมันให้ความรู้สึกใกล้ตัวคนอ่านมากกว่าการเล่าเรื่องแบบอื่น ที่สำคัญผมคิดว่าการวาดการ์ตูนเสียดสีสังคมมันเป็นกระบอกเสียงแทนคนในสังคมได้ ทำให้ความรุนแรงของเรื่องซอฟท์ลงเมื่อใส่มุกตลกเข้าไป มันทำให้คำด่าที่เราด่ากันแรง ๆ ซอฟท์ลงทันทีเมื่อมีภาพประกอบฮา ๆ คนอ่านสามารถเอาไปคิดต่อได้เพราะมันไม่ได้มีแค่คำพูด แต่มีภาพประกอบด้วย

 

"ผมคิดว่าการวาดการ์ตูนเสียดสีสังคมมันเป็นกระบอกเสียงแทนคนในสังคมได้"

 


ทำอย่างไรถึงจะให้การ์ตูนที่วาดมีเอกลักษณ์ 

การ์ตูนไทยได้รับอิทธิพลมาแทบจะทั้งจีน ญี่ปุ่นและฝรั่งครับ แค่เปลี่ยนไปตามเทรนด์ของแต่ละยุคเท่านั้นเอง อย่างยุคก่อนการ์ตูนฝั่งอเมริกาจะดังมาก ไทยเราก็รับมาเหมือนกัน ช่วงไหนที่การ์ตูนอเมริกาดัง การ์ตูนบ้านเราก็จะมีกล้ามเป็นมัด ๆ แต่พอเทรนด์ญี่ปุ่นเข้ามา การ์ตูนบ้านเราตาก็จะโต ๆ ทรงผมก็จะแหลม ๆ หน่อย แต่เอกลักษณ์มันจะคู่กันไปทั้งลายเส้น การเล่าเรื่องและเนื้อหาเพราะแม้คาแรกเตอร์การ์ตูนจะเหมือนกันหมด แต่เนื้อหาที่ใส่เข้าไปจะไม่เหมือนกันแน่นอน 

 

การสร้างคาแรกเตอร์แต่ละตัว คุณได้แรงบันดาลใจจากไหน ยกตัวอย่างน้องนุ่นก็ได้  

ผมสร้างคาแรกเตอร์จากปัญหาในสังคมนี่แหละครับ เรื่องที่ผมเล่าส่วนมากมาจากสิ่งที่เจอในชีวิตประจำวัน หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่กำลังอยู่ในกระแส เพราะผมอยากวาดอะไรที่มันบ้าน ๆ เข้าถึงง่าย อย่างคาแรกเตอร์น้องนุ่นก็เอามาจากปัญหาของเด็กมัธยม เพราะเมื่อ 4 ปีที่แล้ว คลิปเด็กมัธยมตบกันมันบูมมากครับ คาแรกเตอร์แก๊งน้องนุ่นก็อิงจากแก๊งเด็กมัธยมตบกันจริง ๆ คือ มีมือตบ มีมือถ่ายคลิปและมีมือยุ ตอนวาดผมก็จะคิดถึงเพื่อนนักเรียนในวัยผม การแต่งตัวเป็นอย่างไรผมก็จะใส่คาแรกเตอร์แบบนั้นลงไป ซึ่งก็จะได้คาแรกเตอร์เด็กนักเรียนหญิงทาหน้าขาว ทาอุทัยทิพย์ ปากแดงแปร๊ด มีผ้าขนหนูพาดบ่า 

 

จ๊อด 8 ริ้ว

 

คิดอย่างไรกับการที่การ์ตูนถูกมองว่าไร้สาระ 

ผมว่าคนไทยใช้ชีวิตอยู่กับการ์ตูนมานานแล้วนะ แต่เขาแค่ไม่รู้ตัวมากกว่า บางคนคิดว่าการ์ตูนไร้สาระ แต่เขาก็ยังถือของที่มีการ์ตูน ซื้อสินค้าที่มีการ์ตูนเปะอยู่หรือเอาแสตมป์ไปแลกการ์ตูนที่เซเว่น ผมก็ไม่เข้าใจครับ ว่ามันไร้สาระตรงไหน


อย่างการ์ตูน Marvel คุณคิดว่าการ์ตูนไทยจะไปถึงจุดนั้นไหม

ถึงแน่นอนครับ เพราะเรื่อง 13 เกมสยอง ยังมีคนซื้อไปทำเวอร์ชัน hollywood เลย นักเขียนการ์ตูนเก่ง ๆ บ้านเราก็มีเยอะแยะแต่ยังไม่มีคนได้อ่านมากนัก แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ผมว่าเราต้องปลูกฝังให้นักอ่านหันมาอ่านการ์ตูนไทยควบคู่กับการ์ตูนฝรั่งด้วย เพราะผมว่าการ์ตูนไทยมันพัฒนาไปได้เรื่อย ๆ ครับ อย่างตอนนี้ก็เริ่มมีซีรีส์ที่มาจากการ์ตูนแล้ว อนาคตอาจได้ทำเป็นหนังใหญ่ก็ได้ ขอให้ลองมาอ่านการ์ตูนไทยกันเยอะ ๆ ครับ  

 

จ๊อด 8 ริ้ว

 

คุณสมบัติของนักวาดการ์ตูนที่ดีคืออะไร

อย่างแรกเลยคือ ต้องมีวินัยครับ ทำตัวให้เสมอต้นเสมอปลาย อย่างมุกในเพจก็ต้องลงทุกวัน หนังสือที่จะลงในสัปดาห์หนังสือก็ต้องเขียนให้ทัน สองคือ มีจรรยาบรรณของนักเขียน เวลาจะเขียนอะไรก็ต้องคิดถึงสังคมด้วย ว่ามันจะมีผลกระทบกับสังคมไปในทางที่ดีไหม 

 

คุณคาดหวังให้คนอ่านได้อะไรจากงานของคุณ

ผมพยายามที่จะสื่อศีลธรรมอันดีงามเข้าไปในงานของผมนะ แต่ผมไม่รู้ว่าคนอ่านจะเก็บไปได้แค่ไหน เพราะมันต้องเอาไปคิดต่อกันเอง ใครคิดตามได้มันก็ดีครับ เพราะบางคนไม่เข้าใจเขาก็ด่า ผมเคยเจอคอมเมนต์ประมาณว่า “จะมาเขียนการ์ตูนให้คนเขาแตกกันอีกทำไม” แบบนี้ก็มีครับ (หัวเราะ) 

 

เวลาเจอคอมเมนต์แรง ๆ เครียดหรือเปล่า 

ผมมองให้มันเป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะมันก็ต้องมีทั้งคนที่ชอบ ชอบมากและไม่ชอบเลย บางคน inbox มาด่าก็มี แต่บางคนก็ดีเหลือเกินครับ อธิบายให้คนอื่นเข้าใจแทนเราเลยก็มี ผมก็อ่านแค่พอประมาณครับ เพราะอ่านมากไม่ได้ ผมเป็นคน sensitive เฟลง่าย ก็เลยเลือกที่จะอ่านผ่าน ๆ เท่านั้นพอ   

 

ท้อไหม ในยุคที่คนไม่นิยมซื้อหนังสือการ์ตูนอ่านกันแล้ว

เรียกว่าเป็นโอกาสให้เราได้ปรับตัวดีกว่าครับ เพราะถึงแม้พฤติกรรมคนอ่านจะเปลี่ยนไป คือเขาจะไม่ค่อยซื้อเล่มทุกเดือนแต่เขาก็จะไปซื้อเมื่อรวมเล่ม นักวาดการ์ตูนเองก็ได้ลงผลงานในเพจไปด้วย ซึ่งมันก็มีข้อดีคือ เราอยากจะหยาบยังไงก็ได้ครับ (หัวเราะ) เพราะไม่ต้องผ่านสำนักพิมพ์ รับสปอนเซอร์เองก็ได้ และการย้ายจากในเล่มมาลงในเพจออนไลน์มันดีต่อนักเขียนหน้าใหม่ที่อยากลงผลงาน เพราะทุกคนบนโลกออนไลน์มีสิทธิ์มีชื่อเสียงเท่ากันหมด ทุกคนพร้อมเป็นแฟนคลับคุณครับ ถ้าผลงานคุณมันดีจริง

 

ฝากถึงน้อง ๆ ที่อยากโตมาเป็นนักวาดการ์ตูนแบบคุณหน่อย

ต้องมีความตั้งใจอย่างแรงกล้ามาก ๆ ครับ ต้องฝึกฝนเยอะ ๆ เหมือนที่ผมทำ เจออะไรก็วาดไปเรื่อย ๆ อ่านการ์ตูนเ ดูหนังเยอะ ๆ เพราะการดูหนังเยอะ อ่านเยอะ มันจะทำให้คิดเรื่องที่มันสนุกได้ ขอแค่อย่างทิ้งมันก็พอครับ ถ้าไม่ทิ้งเราก็จะทำออกมาได้เรื่อย ๆ และงานมันก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ

 

ความสุขทุกวันนี้คืออะไร 

วาดรูปไปเรื่อย ๆ ครับ เพราะการวาดรูปมันเป็นชีวิตประจำวันของผมไปแล้ว อย่างไปนั่งรอซื้อก๋วยเตี๋ยวนาน ๆ ผมก็จะเอาสมุดสเก็ตช์มานั่งวาดหน้าแม่ค้ารอ มันเป็นทั้งอาชีพ เป็นเพื่อนตอนผมเหงา เป็นสิ่งที่เชื่อมมิตรภาพระหว่างผมกับคนอ่าน บางครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เวลาที่ผมไปแลกลายเซ็น ผมก็จะรู้สึกเหมือนได้กลับไปตอนที่เพื่อนรุมล้อมผมเวลาที่ผมเขียนการ์ตูนให้เพื่อนอ่าน มันรู้สึกดีจริง ๆ ครับ 
 

จ๊อด 8 ริ้ว

 

"ถ้าอยากจะเป็นนักวาดการ์ตูนต้องฝึกฝนให้เยอะ วาดบ่อย ๆ อ่านการ์ตูน ดูหนังให้เยอะ แล้วจะทำให้คิดเรื่องที่สนุกได้ ที่สำคัญอย่าทิ้งมันไปกลางทาง ถ้าตั้งใจฝึกไปเรื่อย ๆ สุดท้ายงานมันก็จะดีขึ้นเองครับ"

 

 

เรื่อง : วัลญา นิ่มนวลศรี
ภาพประกอบ : เอกรินทร์ รัตนมุง

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plook Magazine
  • 3 Followers
  • Follow