ใน พ.ศ. 2528 ประเทศไทยเริ่มมีการพัฒนาพลังงานทดแทน โดยนำน้ำมันพืชมาใช้ทดแทนน้ำมันดีเซล หรือที่เรียกว่า “ไบโอดีเซล” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้มีพระราชดำริให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์สร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็ก และให้กองงานส่วนพระองค์ดำเนินการวิจัยพัฒนา พร้อมทดลองใช้น้ำมันปาล์มกับเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งเริ่มมีการทดลองใช้น้ำมันปาล์มกับเครื่องยนต์ดีเซลของกองงานส่วนพระองค์ที่วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2543 ทั้งนี้การใช้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ไม่ส่งผลกระทบในด้านลบต่อเครื่องยนต์ดีเซลที่มีปั๊มและหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแต่อย่างใด
จากพระปรีชาสามารถและสายพระเนตรอันยาวไกลที่มีพระราชดำริให้ตั้งโครงการพัฒนาน้ำมันปาล์มเพื่อใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลนี้ จึงทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลเหรียญทอง ในโครงการ "น้ำมันไบโอดีเซลสูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม" พร้อมกับโครงการ "ฝนหลวง" และ "ทฤษฎีใหม่" โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้นำไปจัดแสดงในงาน "Bruaaels Eureka 2001" ซึ่งเป็นนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ ประจำ พ.ศ.2544 ณ กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม อีกทั้งโครงการดังกล่าวยังได้รับสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธยจากกระทรวงพาณิชย์ในปีเดียวกันด้วย
ไบโอดีเซล คือ เชื้อเพลิงเหลวที่ผลิตจากไขมันพืช ไขมันสัตว์ หรือสาหร่ายขนาดเล็ก รวมถึงน้ำมันที่ใช้แล้วจากการปรุงอาหาร ซึ่งล้วนเป็นสารประกอบอินทรีย์ประเภทไตรกลีเซอไรด์ โดยผ่านกระบวนการทรานเอสเทอริฟิเคชั่น (Transesterification)หรือการเติมแอลกอฮอล์ เช่น เมทานอลหรือเอทานอล และมีตัวเร่งปฏิกิริยา เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์ ภายใต้ภาวะอุณหภูมิสูง เพื่อเปลี่ยนไขมันให้เป็นเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน (Fatty acid methyl ester) หรือเอทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน (Fatty acid ethyl ester) ขึ้นอยู่กับประเภทของแอลกอฮอล์ที่ใช้ในกระบวนการผลิตและมีกลีเซอรอลเป็นผลพลอยได้ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมยาและเครื่องสำอาง
1. ปาล์มน้ำมัน เป็นพืชน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตไบโอดีเซลมากเป็นอันดับหนึ่ง มีการเพาะปลูกมากในภาคใต้ของประเทศไทย ปาล์มน้ำมันสามารถให้น้ำมันสูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่น
2. สบู่ดำ เป็นพืชน้ำมันชนิดหนึ่ง น้ำมันที่ได้ได้จากเมล็ดสบู่ดำ สามารถใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่เกษตรกรใช้อยู่ได้
โดยไม่ต้องใช้น้ำมันชนิดอื่นผสมอีก แต่อย่างไรก็ตามการใช้สบู่ดำต้องมีความระมัดระวัง เพราะสบู่ดำมีสาร Curcin ซึ่งหากรับประทานเข้าไปแล้ว จะทำให้ท้องเดินเหมือนกับสลอด นอกจากนี้ยังมีพืชน้ำมันชนิดอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้ผลิตไบโอดีเซล เช่น มะพร้าว น้ำมันจากถั่วเหลือง เมล็ดเรพ ดอกทานตะวัน และสาหร่ายขนาดเล็กอีกด้วย
การใช้ไบโอดีเซลสามารถลดมลพิษทางอากาศได้ เนื่องมาจากการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ คณะกรรมการไบโอดีเซลแห่งชาติ (National Biodiesel) และสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อม (US Environment Protection Agency) ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำวิจัยและทดลองใช้น้ำมันไบโอดีเซลสูตรต่าง ๆ กับเครื่องยนต์ดีเซล และได้รายงานว่าไบโอดีเซลสามารถลดมวลปลดปล่อยจากการเผาไหม้ได้อย่างมีนัยสำคัญ ในกรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือก็ได้รายงานผลการทดลองใช้น้ำมันไบโอดีเซลกับเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 145 แรงม้า ว่าสามารถลดควันดำได้มากกว่า 40% นอกจากนี้การใช้ไบโอดีเซลสามารถลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกได้ด้วยเนื่องจากผลิตจากพืช อีกทั้งการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว จะช่วยลดโอกาสในการนำน้ำมันที่ใช้แล้วไปประกอบอาหารซ้ำ และยังช่วยป้องกันมิให้นำน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว ซึ่งมีสารไดออกซินที่เป็นสารก่อมะเร็งไปผลิตเป็นอาหารสัตว์อีกด้วย โดยทั่วไปการนำน้ำมันไบโอดีเซลไปใช้ประโยชน์ นิยมนำไปผสมกับน้ำมันดีเซล ให้เป็นน้ำมันสูตรต่าง ๆ ตามองค์ประกอบระหว่าง น้ำมันไบโอดีเซล : น้ำมันดีเซล ตัวอย่างเช่น
- B2 มีส่วนประกอบของน้ำมันไบโอดีเซล 2% และดีเซล 98%
- B5 มีส่วนประกอบของน้ำมันไบโอดีเซล 5% และดีเซล 95%
- B20 มีส่วนประกอบของน้ำมันไบโอดีเซล 20% และดีเซล 80%
- B40 มีส่วนประกอบของไบโอดีเซล 40% และดีเซล 60%
- B100 เป็นไบโอดีเซล 100 %
กรมธุรกิจพลังงานได้ออกประกาศปรับลดสัดส่วนผสมน้ำมันไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลจากน้ำมัน B5 เป็นน้ำมัน B3 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่25 สิงหาคม 2559 เป็นต้นมา เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพราคาและป้องกันการขาดแคลนน้ำมันพืชสำหรับการบริโภค โดยประกาศฉบับดังกล่าว ได้มีการปรับลดสัดส่วนผสมน้ำมันไบโอดีเซลขั้นต่ำ จากปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 5% เป็นไม่ต่ำกว่า 3% ซึ่งการปรับสูตรเพื่อลดการใช้น้ำมันไบโอดีเซลลง จะทำให้จำนวนการรับซื้อปาล์มจากเกษตกรลดลง ส่งผลต่อรายได้ผู้ปลูกปาล์มในประเทศและทำให้ประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันดีเซลจากต่างประเทศมากขึ้น อีกทั้งยังมีผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ซึ่งการปรับสูตรพลังงานทดแทนครั้งนี้ มีผลกระทบในหลายแง่ บางครั้งผลกระทบดังกล่าวอาจจับต้องไม่ได้เหมือนเม็ดเงิน แต่ก็เป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจำเป็นต้องคำนึงถึงด้วย และทางที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นการช่วยกันประหยัดพลังงาน เพื่อลดการนำเข้าลดการทำลายสิ่งแวดล้อมนั่นเอง