ตามธรรมชาติของการเรียนภาษาขั้นแรก ภาษาพูดจะถูกฝึกก่อนภาษาเขียน ผู้ใช้ภาษาโดยทั่วไปจึงเคยชินกับเสียงอ่านของคำมากกว่าตัวสะกด รวมทั้งความจริงที่ว่าเสียงหนึ่งเสียงสามารถแทนคำได้มากกว่าหนึ่งคำ เช่น เสียง "ค่า" สามารถหมายความถึง ข้า ค่า หรือ ฆ่าก็ได้ ชื่อเฉพาะทั้งหลายก็สามารถสะกดได้หลายแบบ เช่น เพชรรัตน์ (อ่านว่า เพ็ด - ชะ - รัด) อาจจะสะกดเป็น เพชรัตน์ เพ็ชรัตน์ เพ็ชรรัตน์ เพชรรัช เพชรรัชต์ เพชรรัฐ เพชรรัตต์ เพชรรัตติ์ เพชรรัศม์ ฯลฯ จึงได้มีการคิดวิธีค้นตามเสียงอ่านขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถสะกดคำได้อย่างถูกต้อง เช่น ในฐานข้อมูลสำมะโนประชากร ในสมุดโทรศัพท์ หรือในโปรแกรมตรวจคำผิด เป็นต้น
หลักการก็คือจะมีโปรแกรมย่อยสำหรับแปลงตัวสะกดให้เป็นเสียงอ่าน โปรแกรมย่อยดังกล่าวจะใช้แปลงคำหรือชื่อต่าง ๆ ในฐานข้อมูลให้เป็นเสียงอ่านเพื่อเก็บไว้เป็นคีย์สำหรับค้นหาต่างหาก ในการใช้งานจริง โปรแกรมจะแปลงคำที่ต้องการค้นให้เป็นเสียงอ่านแล้วค้นด้วยคีย์ที่ได้เตรียมไว้แล้วนั้นก็จะได้เรคคอร์ดต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับเสียงอ่านที่ต้องการ วิธีการนี้คิดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยชาวอเมริกันชื่อว่า Margaret K. Odell และ Robert C. Russell โดยได้จดสิทธิบัตรไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๑ และ พ.ศ. ๒๔๖๕ วิธีการนี้เรียกว่า ซาวน์เด็กซ์ (Soundex มาจาก sound + index) ซึ่งได้ใช้เป็นวิธีมาตรฐานในการค้นชื่อในสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริก