และถ้าหากผ่านไปสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว หากเรายิ่งมั่นใจว่าหนุ่มคนนี้แหละคือคนที่ใช่ แต่จะเอ่ยอย่างไรให้ไม่น่าเกลียดจนเกินไป เพราะกรอบวัฒนธรรมไทยไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ผู้หญิงอย่างเราเป็นฝ่ายพูดก่อน วันนี้เราเลยนำไกด์สำหรับสาว ๆ มาให้ลองทำดูค่ะ
ภาพ : Mahkeo on Unsplash
เรื่องนี้ไม่ใช่เงินทองเพียงอย่างเดียว คุณต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า “พร้อม” แล้วที่จะก้าวไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นการรับใครสักคนเข้ามาอยู่ร่วมทั้งชีวิต หรือคุณยังมีอะไรในชีวิตที่ต้องทำอีกหรือไม่ เพราะจะเกิดปัญหาได้ว่า เมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ แล้วเพิ่งมารู้ตัวว่าไม่พร้อม คุณอาจจะไม่มีความสุขได้
จากคนคุยด้วยเลื่อนไปเป็นแฟน หรือจากแฟนเลื่อนไปเป็นสามี ย่อมถือว่าเป็นอีกขั้นหนึ่งของชีวิตที่ค่อนข้างสำคัญ ดังนั้น การเลือกช่วงเวลาเพื่อพูดคุยเรื่องนี้เป็นสิ่งแรกที่สำคัญมาก อย่างที่บอกว่า หากเขาเพิ่งเสร็จจากงานเหนื่อย ๆ ย่อมไม่มีมู้ดที่จะคุยเรื่องนี้จริงจังแน่ ๆ คุณอาจจะลองเลือกช่วงเวลาที่จะเกริ่นเรื่องนี้ตอนที่ทั้งคู่อารมณ์ดี เช่น ไปดินเนอร์ด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน จะได้ไม่เกิดการทะเลาะ
เมื่อคุณทั้งสองตกลงเรื่องอนาคตกันแล้ว มีผู้หญิงไม่น้อยที่วาดฝันว่าอยากได้งานแต่งงานสุดเริ่ด ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย หรือหวังบ้านหลังใหญ่อย่างพระราชวัง ตรงนี้ถ้าฝ่ายชายมีกำลังมากพอ อาจจะไม่ผิดที่คุณจะฝันแบบนั้น แต่ถ้าหากคุณรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าคู่ของคุณไม่ได้คาบช้อนทองมาเกิด ก็อย่าเรียกร้องมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ฝ่ายชายลำบากใจ และทั้งสองคนจะเริ่มไม่มีความสุขเพราะความเห็นไม่ตรงกัน
ถ้าตัดสินใจจะพูดแล้วต้องไม่คาดหวังหรือกลัวอนาคตนะคะ เพราะบางทีคุณอาจได้รับคำตอบจากอีกฝ่ายว่า ยังไม่พร้อม ซึ่งอาจจะเป็นความจริงในใจของเขาก็ได้ เช่น เขาอาจจะอยากมั่นคงกว่านี้ หรือยังอยากใช้ชีวิตที่มีความเป็นส่วนตัวอยู่ ดังนั้น ถ้าคุณรอได้ ก็อย่าเศร้าหรือเสียเซลฟ์เกินไป แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่โอเค จะคิดทำอะไรต่อไป นั่นก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองแล้วค่ะ
ภาพปก : Marcelo Matarazzo on Unsplash