Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศยุคอุตสาหกรรมใหม่

Posted By Plookpedia | 30 มิ.ย. 60
1,692 Views

  Favorite

ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศยุคอุตสาหกรรมใหม่

      ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๐ จวบจนปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้เพิ่มขึ้นในอัตราเร่งอย่างเห็นได้ชัดตัวอย่างที่แจ่มแจ้งที่สุด คือ การสร้างเครื่องบินซึ่งสามารถบินขึ้นครั้งแรกได้ในระยะทาง ๑๒๐ ฟุต โดยอยู่บนอากาศได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยการทำงานร่วมกันของพี่น้องตระกูลไรท์ชาวสหรัฐอเมริกาหลังจากนั้นเพียง ๖๖ ปี มนุษย์ก็สามารถสร้างยานอวกาศนำมนุษย์ขึ้นไปยังดวงจันทร์ซึ่งไกลจากโลกถึง ๓๕๔,๓๓๖ กิโลเมตรได้
      สำหรับประเทศไทยนั้นในปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ซึ่งเป็นปีที่สนธิสัญญาบาวริงสิ้นสุดลงจัดว่าเป็นอิสระทางด้านเศรษฐกิจในแง่ของกฎหมายมากขึ้น  แต่ก็ยังไม่จริงจังนักเนื่องจากมีระบบเศรษฐกิจที่เรียกว่า "เศรษฐกิจแบบจักรวรรดินิยม" คือ บรรดาประเทศใหญ่ ๆ ยังคงได้เปรียบในเรื่องเงินทุน เทคโนโลยี และความรู้  ในการดำเนินการอยู่อย่างมากที่แน่นอนที่สุด คือ ประเทศไทยมุ่งหน้าเข้าสู่ความเป็นประเทศอุตสาหกรรมตั้งแต่นั้นมาโดยในช่วงแรกเป็นการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าต่อมาก็เป็นการผลิตเพื่อส่งออก มูลค่าของการผลิตทางอุตสาหกรรมได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีมูลค่าสูงกว่าผลิตผลทางการเกษตรเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ซึ่งจัดได้ว่าประเทศไทยได้เป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่แล้ว  จากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงหมายถึง วัฒนธรรม อันเป็นวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยซึ่งได้รับอิทธิพลจากวิถีการดำเนินชีวิตของประเทศทางตะวันตกส่วนใหญ่ คือ ประเทศอุตสาหกรรมซึ่งเป็นต้นแบบอันมีสหรัฐอเมริกา ประเทศในยุโรป ญี่ปุ่น ส่วนประเทศอื่น ๆ นอกเหนือไปจากนี้มีอิทธิพลและความสัมพันธ์กับประเทศไทยน้อยมากซึ่งรูปแบบของวัฒนธรรมที่รับมาอย่างมากนั้นก็ คือ รูปแบบมาตรฐานของสังคมอุตสาหกรรมนั่นเอง หากพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้วก็จะเห็นว่าแต่ละแห่งมีลักษณะไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก

 

การนำผลิตผลทางการเกษตร
การนำผลิตผลทางการเกษตรเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก


วัฒนธรรมของสังคมอุตสาหกรรมมีแกน หลักอยู่ ๖ ประการ คือ 
๑) การกำหนดมาตรฐาน 
๒) ความชำนาญเฉพาะด้าน 
๓) การสร้างความพร้อมเพรียงกัน 
๔) การรวมหน่วย 
๕) การสร้างคุณค่าสูงสุด 
๖) การรวมเข้าศูนย์กลาง ซึ่งขยายความได้ดังนี้ 

 

๑. การกำหนดมาตรฐาน 

      วิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยภายหลัง พ.ศ. ๒๔๘๐ จนถึงปัจจุบันเริ่มมีความเกี่ยวข้องกับการกำหนดมาตรฐานมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศอุตสาหกรรมในประเทศเหล่านี้มาตรฐานที่แน่นอนเป็นสิ่งสำคัญมากจนในที่สุดแม้แต่ข้าวเปลือกซึ่งเป็นธัญพืชพื้นฐานที่สุดของประเทศซึ่งมีปลูกอยู่แทบทุกหนทุกแห่งยังต้องกำหนดค่าความชื้นในเมล็ดข้าวเพื่อให้ได้มาตรฐานเหมือนกันทั้งหมด  ในลักษณะเดียวกันเรื่องของการคัดขนาดไข่ไก่และผักผลไม้อื่น ๆ ถึงแม้ผลิตผลทางการเกษตรเหล่านี้จะมาจากธรรมชาติซึ่งเป็นการยากที่จะควบคุมขนาด น้ำหนัก ปริมาณความชื้นหรือรสชาติได้  แต่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็ยังสามารถช่วยในการคัดแยกผลิตผลทางการเกษตรเหล่านี้ ให้เป็นหมวดหมู่ทั้งขนาด น้ำหนัก หรือปริมาณความชื้น จนสามารถกำหนดมาตรฐานที่แน่นอนให้แก่ผลิตผลทางการเกษตรแทบทุกชนิดในปัจจุบัน  ความสำคัญของมาตรฐานนั้นเกิดจากการเปลี่ยนมาตรฐานเดิมมาใช้มาตรฐานชั่งตวงวัดเหมือนกันทั่วโลก ทำให้มนุษย์สามารถมีเกณฑ์การวัดคุณภาพของสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นสากล สินค้าที่ได้รับการกำหนดมาตรฐานจึงสะดวกในการกำหนดราคาและเป็นที่ยอมรับ  ในความเป็นจริงการกำหนดมาตรฐานมิได้จำกัดอยู่เพียงขนาด น้ำหนัก ความหนาบาง ความเข้มข้นหรือความชื้นเท่านั้นหากยังขยายขอบเขตครอบคลุมไปถึงฤดูกาลอีกด้วย เช่น หากจะโทรศัพท์ทางไกลจากประเทศไทยไปยังสหรัฐอเมริกา เราต้องทราบว่าปลายทางที่เราต้องการติดต่อนั้นเป็นเวลาเท่าใดจะเป็นการรบกวนผู้รับสายปลายทางหรือไม่  โดยการใช้เวลามาตรฐานโลกในการคิดคำนวณบางประเทศมีอาณาเขตกว้างขวาง เช่น แคนาดา หรือ สหรัฐอเมริกา แม้จะโทรศัพท์ติดต่อในประเทศหากเป็นรัฐที่ห่างไกลกันมาก ๆ ก็ต้องคำนวณเวลาด้วยเช่นกันเพราะถึงแม้จะเป็นประเทศเดียวกันความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ก็ทำให้เวลาต่างกันด้วย
      นอกจากนี้หากกล่าวถึงเวลาให้แคบลงมาก็  ได้แก่ เรื่องของฤดูกาล อาหารชนิดใดเป็นที่ต้องการในฤดูกาลใด เสื้อผ้าแบบไหนได้รับการออกแบบมาเพื่อฤดูกาลไหนก็ต้องผลิตออกมาให้ทันเวลาของฤดูกาลนั้น ๆ เสื้อผ้าสีสดใส เนื้อผ้าบางเบาจะหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลยหากการผลิตและขนส่งล่าช้าจนล่วงเข้าฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศเริ่มหนาวเย็นลงเรื่อย ๆ ไม่ว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นจะสวยเก๋และมีคุณภาพเพียงใดก็ตามในเมื่อไม่ตรงกับเวลาที่สมควรจะใช้เสียแล้วก็ไม่มีใครซื้อและต้องขาดทุนในที่สุด  ในชีวิตประจำวันของคนทั่วไปเวลาการเริ่มทำงานและเลิกงานส่วนใหญ่ก็มีมาตรฐานอาจ     เป็น ๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. หรือ ๙.๐๐-๑๗.๐๐ น. แล้วแต่หน่วยงานนั้น ๆ จะกำหนด พนักงานทุกคนจะต้องตรงเวลาเข้าทำงานพร้อมกัน พัก  เที่ยงเวลาเดียวกันและเลิกงานเวลาเดียวกันตามที่กำหนด     มีเครื่องจักรตรวจสอบเวลาเข้าทำงานและเวลาเลิกงานซึ่งจะกล่าวต่อไปในหัวข้อของการสร้างความพร้อมเพรียงกัน  

      ท้ายที่สุดจะขอกล่าวถึงตัวแปรสำคัญซึ่งทำหน้าที่คล้ายใยแมงมุมหรือตาข่ายชักพาโลกทั้งโลกให้เข้ามาอยู่ภายใต้กรอบมาตรฐานเดียวกัน  ใยแมงมุมนั้นก็คือ "สื่อสารมวลชน" นั่นเอง การสื่อสารมวลชนนี้มีสาขาแยกย่อยออกไปอย่างกว้างขวาง ได้แก่  โทรทัศน์  วิทยุ  หนังสือพิมพ์  หรือนิตยสารต่าง ๆ  ทั้งจากในประเทศและนอกประเทศ  ประชาชนในภาคเหนือและภาคใต้หรือภาคตะวันตก อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันเห็นโฆษณาชิ้นเดียวกันและอ่านนวนิยายเรื่องเดียวกันจากหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น  ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นชาวใต้พูดภาษาถิ่นใต้ เป็นชาวเหนือพูดภาษาคำเมืองหรือชาวอีสานพูดภาษาอีสานก็ตาม  แต่เมื่อมาอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันนี้แล้วเขาก็ต้องใช้ความรู้ภาษาไทยภาคกลางซึ่งถือเป็นภาษามาตรฐานทางราชการเพื่อทำความเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับโทรทัศน์และวิทยุทั้งโฆษณาหลากหลายหรือรายการบันเทิงต่าง ๆ ล้วนใช้ภาษาเดียวกันเป็นมาตรฐานไม่มีการนำไปพากย์เสียงใหม่เป็นภาษาถิ่นแต่อย่างใด  ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นผลให้ภาษาถิ่นดั้งเดิมค่อยสูญหายไปบ้างเนื่องจากมีความสำคัญลดน้อยลงเรื่อย ๆ เหลือใช้กันเพียงในวงแคบ ๆ ของผู้รู้จักคุ้นเคยเท่านั้น  เมื่อออกไปจากบ้านแล้วก็ใช้แต่ภาษามาตรฐานแม้ที่โรงเรียนก็ตาม  

      ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า การกำหนดมาตรฐาน คือ การรวมเอาทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่กรอบเดียวกันนับตั้งแต่วิถีการดำเนินชีวิตประจำวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำและการประพฤติปฏิบัติตัวทั้งการแต่งกาย การทำงานและการพักผ่อน กิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ ล้วนได้รับการกำหนดมาตรฐานมาแล้วทั้งสิ้น  วัฒนธรรมหรือวิถีการดำเนินชีวิตนี้เป็นผลโดยตรงจากความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมที่ประเทศไทยได้ติดต่อกับประเทศอุตสาหกรรมดังกล่าวนั่นเอง

๒. ความชำนาญเฉพาะด้าน

      เมื่อสังคมได้กำหนดมาตรฐานทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นแล้วก็มีความจำเป็นที่จะต้องผลิตสิ่งนั้น ๆ ให้ได้มาตรฐานดังที่กำหนดไว้ในขั้นแรก  การผลิตให้ได้มาตรฐานก็ต้องอาศัยแรงงานที่มีคุณภาพและมีความชำนาญพอด้วยเหตุนี้เองการผลิตแรงงานผู้ชำนาญเฉพาะด้านจึงเกิดขึ้น  นอกจากนี้สังคมอุตสาหกรรมยังเชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญจึงจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ความชำนาญเฉพาะด้านในทางอุตสาหกรรม
ความชำนาญเฉพาะด้านในทางอุตสาหกรรม คือการแบ่งหน้าที่ให้ทำงานเฉพาะอย่าง


      อดัม สมิธ (Adam Smith) กล่าวว่า การแจกแจงงานสามารถสร้างประสิทธิภาพสูงสุด ตัวอย่างเช่น  ในงานอุตสาหกรรมรถยนต์ระยะแรก ๆ ที่ยังใช้แรงงานคนกับระบบสายพานนั้นขั้นตอนการทำงานระบบสายพานก็ คือ ชิ้นส่วนของรถยนต์จะเลื่อนมาเรื่อย ๆ ตามสายพานซึ่งมีคนงานยืนคอยอยู่ในตำแหน่งประจำของตนเมื่อชิ้นส่วนเลื่อนมาถึงตัวคนงานคนนั้นมีหน้าที่ขันนอตที่ล้อทั้งสองข้างเมื่อขันแล้วก็รอล้อรถคันต่อไปที่จะเลื่อนเข้ามาถึงตัวคนงานคนนั้นขันนอตที่ล้อรถทุกวันเป็นเดือน ๆ ปี ๆ จนชำนาญเข้ามาก ๆ ถึงแม้หลับตาก็ยังขันได้และยังขันนอตได้แน่นพอเหมาะพอดีอีกด้วย ถือว่าคนงานผู้นั้นเป็นผู้ชำนาญเฉพาะด้านทางการขันนอตที่ล้อรถยนต์แล้ว  จากตัวอย่างนี้เองจะสังเกตเห็นว่าคนงานผู้นี้ชำนาญเกี่ยวกับการขันนอตจริง ๆ แต่ถ้าให้ไปทำงานอย่างอื่นแม้จะเกี่ยวกับการผลิตรถยนต์เขาผู้นี้อาจทำได้ไม่ดีหรืออาจทำไม่ได้เลย  ในปัจจุบันการฝึกผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมิได้จำกัดอยู่เพียงในหมู่ผู้ใช้แรงงานในโรงงานเท่านั้นหากยังมุ่งฝึกผู้มีความชำนาญในทุกขั้นตอนการผลิตและรวมถึงผู้บริหารก็ยังได้รับการศึกษาอบรมเพื่อการบริหารโดยเฉพาะเช่นเดียวกัน  ผู้เชี่ยวชาญซึ่งแยกแขนงวิชาของตนเองออกไปเป็นพิเศษได้รับความรู้ที่ใช้ในการประกอบอาชีพส่วนใหญ่จากสถาบันการศึกษาของตน เราอาจเรียกผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ว่า มืออาชีพ (Professional) อันได้แก่ ผู้ประกอบอาชีพแพทย์ อาจารย์หรือบรรณารักษ์ เป็นต้น 
      นอกจากนี้ผู้ที่ประกอบอาชีพซึ่งมาจากสถาบันการศึกษาเฉพาะด้านดังที่ยกตัวอย่างแล้วยังสามารถแยกแขนงความชำนาญเฉพาะด้านของตนย่อยออกไปได้อีก เช่น แพทย์สามารถศึกษาเพื่อจะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญด้านโรคภูมิแพ้ จักษุแพทย์ ทันตแพทย์ ศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์หรือจิตแพทย์  เช่นเดียวกับบรรณารักษ์ เช่น บรรณารักษ์ผู้ชำนาญด้านเศรษฐศาสตร์การเกษตร บรรณารักษ์ผู้ชำนาญด้านวรรณคดีตะวันตก หรือด้านการเมืองการปกครอง เป็นต้น

 

นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง
นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ในโครงการ "อีสเทิร์น ซีบอร์ด"


      สำหรับประเทศไทยนั้นหากกล่าวถึงแรงงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมก็อาจกล่าวได้ว่าเรามีแรงงานจำนวนมหาศาลเพื่อรองรับการขยายตัวทางอุตสาหกรรมจะเป็นแรงงานที่มีความชำนาญหรือไม่นั้นแล้วแต่ประสบการณ์และระยะเวลาในการทำงานของคนงานแต่ละคน เช่น ในการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ต้องใช้ช่างปูนเป็นจำนวนมากหากช่างปูนที่รับสมัครมานั้นเป็นแรงงานที่มีความชำนาญอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรงานจะดำเนินไปได้โดยราบรื่นรวดเร็วไม่ติดขัดและอัตราค่าแรงก็เป็นไปตามปกติสำหรับช่างปูนผู้ชำนาญเช่นกัน  ตรงกันข้ามหากรับสมัครแรงงานที่ไม่มีความชำนาญเข้ามาบ้างก็จำต้องมีการฝึกฝนงานก่อนโดยอาจเป็นผู้ช่วยในขั้นแรกจนมีความสามารถพอที่จะปฏิบัติงานช่างปูนและรับค่าแรงเท่าช่างปูนผู้ชำนาญในที่สุด  การเร่งฝึกแรงงานให้มีความชำนาญนั้นจึงมีความสำคัญเป็นอันมากต่อการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรมของไทย  กล่าวคือขณะนี้จากการที่รัฐบาลส่งเสริมให้ชายฝั่งทะเลตะวันออกเป็นแหล่งอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของประเทศหรือโครงการ   "อีสเทิร์น ซีบอร์ด" (Eastern Seaboard)  อันได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง และท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรีซึ่งเป็นโครงการใหญ่ใช้ทุนมหาศาลต้องการแรงงานในการก่อสร้างมากมายถือว่าเป็นการระดมกำลังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งทีเดียวทั้งแรงงานในการวางแผนควบคุมการก่อสร้างทั้งหมด อันได้แก่ คณะสถาปนิก วิศวกร และผู้เกี่ยวข้อง และแรงงานผู้ปฏิบัติการก่อสร้างจริง หากทุกฝ่ายเป็นแรงงานที่มีความชำนาญและมีคุณภาพแล้วการดำเนินงานก็สามารถก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็วทันการณ์อุปสรรคในการทำงานที่เนื่องมาจากการขาดแคลนแรงงานที่ชำนาญก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป  แต่ในปัจจุบันความต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยเฉพาะด้านวิศวกรรมและการจัดการมีขึ้นอย่างมากมายจนไม่สามารถผลิตบุคลากรออกมารองรับการขยายตัวของแรงงานในภาคดังกล่าวได้ทัน เนื่องจากความสัมพันธ์ของไทยกับนานาประเทศทั้งทางด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมได้มีอัตราเร่งเพิ่มขึ้นมากจนเกิดการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านดังกล่าวนี่ก็เป็นแง่หนึ่งของผลของความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมของไทยกับต่างประเทศนั่นเอง

๓. การสร้างความพร้อมเพรียงกัน

      ความพร้อมเพรียงกันของสังคมอุตสาหกรรม หมายถึง การประสานจังหวะเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวและประสิทธิภาพสูงสุด "เวลา" เป็นตัวแปรสำคัญของการประสานจังหวะ  ดังนั้นการตรงต่อเวลาจึงมีความสำคัญมากในโลกอุตสาหกรรม   ในอดีตประเทศไทยมีลักษณะเป็นสังคมเกษตรกรรมเวลาเคลื่อนไปพร้อมกับธรรมชาติงานทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับธรรมชาติ ฤดูกาลเพาะปลูกเริ่มขึ้น เมื่อฝนตกลงมาทำความชุ่มชื้นให้ผืนดินและเมื่อการเพาะปลูกเสร็จสิ้นลงสิ่งเดียวที่ทำได้ก็ คือ เฝ้าดูแลบำรุงพืชต้นอ่อนเหล่านั้นและรอคอยเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวผลิตผล  แน่นอนที่สุดมนุษย์ไม่สามารถกำหนดความเป็นไปของธรรมชาติได้หากโชคร้ายฝนเกิดการทิ้งช่วงหรือเกิดอุทกภัยร้ายแรงผลิตผลเสียหายก็ไม่สามารถแก้ไขสิ่งใดได้  ทำได้แต่เพียงพยายามบรรเทาภาวะความไม่แน่นอนของธรรมชาติให้ทุเลาลงไปบ้างเท่านั้น  พยายามเลี่ยงไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ทนต่อความแห้งแล้งหรือพืชที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นเวลาพอสมควรในภาวะน้ำท่วมขังหรือการยกคันดินให้สูงขึ้นในการเพาะปลูกครั้งต่อไปเพื่อการระบายน้ำที่ดีขึ้น เป็นต้น  

      อย่างไรก็ตามเมื่อลัทธิอุตสาหกรรมตะวันตกเผยแพร่เข้าสู่ประเทศไทยหลังจากปี พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็นต้นมา วิถีชีวิตของคนไทยก็เริ่มเปลี่ยนแปลงสังคมเกษตรกรรมลดลงสังคมเริ่มมีลักษณะเป็นสังคมอุตสาหกรรมมากขึ้น ธรรมชาติมิได้กำหนดครอบงำการผลิตทุกอย่างเสมอไปหากแต่เพียงบางส่วนเท่านั้น การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมใหม่ที่ไม่คุ้นเคยนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนไทยอย่างยิ่งจากที่เคยอยู่กินตามสบายรอคอยปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ ที่จะเวียนมาตามฤดูกาลอย่างไม่เร่งร้อนก็เปลี่ยนไปเป็นการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเวลาในการทำงานและเลิกงานที่แน่นอนและงานนั้นก็ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ อย่างมีระบบระเบียบตามที่ถูกกำหนดไว้ทั้งหมด  อย่างไรก็ดีลักษณะดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้นมิได้จำกัดอยู่เฉพาะในหมู่ผู้ใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้นหากรวมไปถึงบุคคลในสาขาอาชีพหลากหลายในสังคมทั้งที่เป็นผู้ชำนาญเฉพาะด้านต่าง ๆ และกลุ่มบุคคลประเภทมืออาชีพซึ่งใช้ความรู้ประสบการณ์และความคิดในการประกอบอาชีพ มากกว่าแรงงานทางกายอีกด้วย  แต่บุคคลทั้งสองประเภทนี้ต่างก็มีชีวิตที่ขึ้นอยู่กับเวลาด้วยกันทั้งนั้น  วิถีชีวิตหากดูจากการใช้เวลาอย่างคร่าว ๆ แล้ว ก็พอจะเห็นได้ว่าคล้ายคลึงกันมากทีเดียว กล่าวคือ ตื่นนอนตอนเช้าในเวลาไล่เลี่ยกันเพื่อจะประกอบกิจส่วนตัวต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นทันเวลาการทำงานซึ่งเริ่มราว ๘.๐๐-๙.๐๐ น. พักเที่ยงพร้อม ๆ กันราวเวลา ๑๒.๐๐-๑๒.๓๐ น. และเลิกงานเวลา ๑๖.๓๐-๑๗.๐๐ น. ในที่สุดการใช้เวลาของมนุษย์ไม่ว่าจะมุมไหนของโลกหากที่นั่นเป็นสังคมอุตสาหกรรมแล้วก็คล้ายกันทั้งสิ้น 

 

การตรงต่อเวลาในการทำงาน
การตรงต่อเวลาในการทำงานเป็นตัวแปรสำคัญในโลกอุตสาหกรรม


      การใช้เวลาในการกำหนดความเป็นไปทุกอย่างนี้แม้จะมีผลดีในด้านความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมากมายก็ตาม แต่ผลในด้านลบก็มีอยู่กล่าว คือ การที่คนจำนวนมากมายมหาศาลปฏิบัติกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งในเวลาเดียวกันทั้งหมด  หากไม่มีปัจจัยอันเป็นส่วนสำคัญของการปฏิบัติกิจกรรมนั้นอย่างเพียงพอที่จะรองรับปริมาณคนจำนวนมหาศาลก็ย่อมจะเกิดปัญหาการขาดแคลนและมีผู้ทุกข์ยากจำนวนหนึ่งมากบ้างน้อยบ้างตามแต่สถานการณ์  เป็นต้นว่าการเกิดเหตุการณ์จราจรติดขัดอย่างรุนแรงในตอนเช้าก่อนเวลาเข้าทำงานและในตอนเย็นหลังเลิกงานแล้วหรือการที่ร้านอาหารทุกร้านแน่นขนัดจนต้องรอต่อแถวคอยกันนาน ๆ ในช่วงพักรับประทานอาหารเที่ยง เป็นต้น 
      สำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครปัญหาที่ดูจะรุนแรงที่สุดเนื่องจากการใช้หลักความพร้อมเพรียงกันก็  คือ ปัญหาการจราจรซึ่งยังคงแก้ไม่ตกอยู่จนปัจจุบันเนื่องจากปริมาณของผู้ใช้ถนนหนทางและรถยนต์นั้นไม่สมดุลกับปริมาณถนนที่มีอยู่  นับวันแรงงานจากภาคเกษตรก็ยิ่งหลั่งไหลเข้ามาสู่ความแน่นอนของภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ไม่กี่แห่งมากขึ้น ๆ ทุกทีจนยากที่จะแก้ไขได้  วิธีหนึ่งที่รัฐบาลกำลังสนับสนุนส่งเสริมอยู่ในปัจจุบันเพื่อจะพยายามแก้ไขปัญหาก็ได้แก่ นโยบายการกระจายอุตสาหกรรมสู่ชนบทอันจะช่วยยับยั้งการหลั่งไหลเข้ามาสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมของประเทศอันได้แก่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้บ้าง  การระบายถ่ายเทแรงงานอีกส่วนหนึ่งออกสู่แหล่งอุตสาหกรรมอื่น ๆ เหล่านั้นหากโครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้แล้วจะทำให้ปัญหาต่าง ๆ ทุเลาเบาบางลงบ้าง ปัญหาเหล่านี้ก็มาจากการรับวัฒนธรรมของการทำงานจากประเทศอุตสาหกรรมทั้งหลายนั่นเอง

๔. การรวมหน่วย 

      สังคมอุตสาหกรรมดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างโดยอาศัยการรวมหน่วย กล่าวคือการรวมพลังงานย่อย ๆ เข้าด้วยกันเป็นหน่วยใหญ่เพื่อเกิดพลังงานมหาศาลลักษณะการรวมหน่วยปรากฏอย่างมากในด้านประชากรและกระแสเงินทุน  ในแง่ของประชากรนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนจากการรวมเอาผู้ใช้แรงงานจำนวนมาก ๆ มาอยู่รวมกันในโรงงานแห่งเดียวเพื่อทำงานในหน้าที่ต่างกันตามจังหวะความพร้อมเพรียงอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ผลิตผลที่สูงสุดทั้งปริมาณและคุณภาพตามมาตรฐานที่วางไว้  นอกจากผู้ใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมแล้วการรวมหน่วยยังหมายถึง การนำผู้ชำนาญเฉพาะด้านต่าง ๆ มารวมกันช่วยระดมกำลังความคิดและประสบการณ์เพื่อการผลิตผลงานคุณภาพก็ได้  อาจเป็นไปในรูปแบบของบริษัทหรือสำนักงานตามที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น กลุ่มสถาปนิกรวมตัวกันจัดตั้งบริษัทรับออกแบบและตกแต่งบ้านหรือกลุ่มแพทย์รวมตัวกันตั้งโรงพยาบาลขึ้นเพื่อเป็นการรวมผู้ป่วยจำนวนมาก ๆ มาอยู่รวมกันในโรงพยาบาลนั้นอีกทอดหนึ่ง เป็นต้น

 

สถาบันการเงิน
สถาบันการเงิน


      ลักษณะเช่นนี้ปรากฏในประเทศไทยมานานแล้วในรูปของการมีระบบไพร่ คือ การเกณฑ์ไพร่ (ชายที่มีอายุตั้งแต่ ๒๐-๖๐ ปี) มาทำงานรับใช้ทางราชการ เช่น การสร้างถนน ขุดคลอง หรือก่อสร้างอาคารต่าง ๆ รวมทั้งเป็นทหารด้วยโดยมีการเข้าผลัดเวรปีละ ๖ เดือน โดยสลับเข้าเวร ๑ เดือน ออกเวรไปอยู่บ้านประกอบอาชีพของตน ๑ เดือน  ในเวลาต่อมาได้ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงมาเรื่อย ๆ จนเหลือเข้าเวร ๑ เดือน ออก ๓ เดือน  ในปัจจุบันแม้จะยกเลิกระบบไพร่ไปแล้วการรวมหน่วยเพื่อประกอบอาชีพก็มีเรื่อยมาตั้งแต่สังคมอุตสาหกรรมเผยแพร่เข้ามาสู่ประเทศไทยเพราะก่อนหน้านี้สังคมเกษตร - กรรมแบบยังชีพไม่จำเป็นต้องอาศัยแรงงานมากมายเท่าในโรงงานอุตสาหกรรมทำกันเฉพาะในครอบครัวให้พอกินพออยู่เท่านั้นของเหลือใช้จึงจะนำไปขายมิได้มุ่งการเพาะปลูกเพื่อการค้า หรือป้อนโรงงานอุตสาหกรรมดังปัจจุบัน  กลับมากล่าวเรื่องการรวมหน่วยอีกแง่หนึ่ง คือ ในแง่กระแสเงินทุนการประกอบอุตสาหกรรมผลิตสินค้าอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นจำเป็นต้องใช้เงินในการลงทุนอย่างมากมายมหาศาล  มีผู้ลงทุนน้อยรายที่สามารถจัดตั้งโรงงานหรือบริษัทได้เองโดยไม่ต้องอาศัยการระดมทุนจากหุ้นส่วนจากเหตุผลนี้การรวมหน่วยในแง่ของการลงทุนจึงเกิดขึ้น  นอกจากการรวมหน่วยเช่นนี้แล้วยังมีสถาบันทางการเงินเพื่อระดมทุนโดยเฉพาะ  โดยมีจุดประสงค์ทั้งเพื่อการกู้ยืมไปลงทุนและการนำไปลงทุนโดยตรง  สถาบันทางการเงินเหล่านี้ ได้แก่ ธนาคาร และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต่าง ๆ นั่นเอง
      สำหรับประเทศไทยการรวมหน่วยในแง่กระแสเงินทุนก็ยังคงเป็นอย่างต่อเนื่องเพื่อขยับขยายศักยภาพทางการผลิตภาคอุตสาหกรรมให้สูงขึ้นกว่าปัจจุบันและสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นก็มีทั้งที่เป็นของคนไทยและต่างประเทศซึ่งผู้ลงทุนก็นิยมใช้บริการอย่างแพร่หลายซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและจำเป็นในสังคมอุตสาหกรรม  ในช่วง ๒๐ ปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้ก่อตั้งตลาดหุ้นขึ้นเพื่อการรวมหน่วยของเงินทุนเพื่อการลงทุนต่าง ๆ ซึ่งนับว่าเป็นการรับวัฒนธรรมเรื่องนี้จากต่างประเทศช้ามากทีเดียวเพราะประเทศอุตสาหกรรมทั้งหลายได้มีตลาดหุ้นมาหลายร้อยปีแล้ว  โดยเฉพาะอังกฤษที่ใช้เงินของตลาดหุ้นในการส่งผู้คนไปตั้งถิ่นในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย หมายความว่าอังกฤษมีตลาดหุ้นก่อนที่จะสถาปนาประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศออสเตรเลียเสียอีก 

๕. การสร้างคุณค่าสูงสุด 

      ดูจะเป็นค่านิยมที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของมนุษย์ในสังคมอุตสาหกรรมเสียแล้วที่หลงใหลได้ปลื้มกับความเป็นที่สุดในด้านต่าง ๆ (เฉพาะในด้านที่ดีเท่านั้น) ตึกที่สูงที่สุด สนามกีฬาที่จุคนได้มากที่สุด หรือสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุด เป็นต้น ความเป็นที่สุดมิได้หยุดอยู่เพียงสิ่งก่อสร้างหรือทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้นหากแต่รวมไปถึงความยิ่งใหญ่ทางธุรกิจอีกด้วย เช่น ปริมาณการจ้างพนักงาน ขอบข่ายสาขา เป็นต้น  สิ่งเหล่านี้สร้างความภาคภูมิใจแก่เจ้าของสถิตินั้นเป็นอย่างยิ่ง  ในปัจจุบันได้มีการคิดค้นวิธีวัดความเป็นที่สุดทางเศรษฐกิจแบบใหม่ขึ้นซึ่งอาศัยข้อมูลมาทำเป็นสถิติโดยคิดจาก "ผลิตผล รวบยอดของประชาชาติ" หรือ Gross National Product (GNP) โดยพิจารณาค่าของสินค้าและบริการที่ถูกผลิตขึ้นมาทั้งหมด  แต่เป็นวิธีที่มีข้อผิดพลาดอยู่มากทีเดียวเนื่องจากมองข้ามการผลิตนอกกลไกอุตสาหกรรม เช่น งานบ้านหรืองานเลี้ยงเด็ก เป็นต้น  อย่างไรก็ดีประเทศไทยซึ่งได้หันมาพัฒนาอุตสาหกรรมตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็นต้นมา  ก็ได้รับวัฒนธรรมนิยมความเป็นที่สุด มาจากประเทศอุตสาหกรรมต้นแบบอย่างเต็มที่และวัฒนธรรมดังกล่าวนี้ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากทุกฝ่ายทั้งจากคณะผู้บริหารประเทศและจากภาคธุรกิจต่าง ๆ  ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่โครงสร้างสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลกหรือสวนอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะได้รับความสนใจและสนับสนุนจากทุกฝ่ายด้วยดี  

      นอกจากโครงการที่เป็นวัตถุรูปธรรมแล้วสถิติผลิตผลรวบยอดของประชาชาติก็ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเครื่องมือวัดสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศว่ามีความเจริญเติบโตในระดับที่น่าพอใจหรือไม่ รัฐบาลพยาบาลทุกวิถีทางที่จะผลักดันให้ค่าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และหากประสบผลสำเร็จก็ถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญของรัฐบาลที่จะได้รับคำยกย่องชมเชยและมีคะแนนนิยมสม่ำเสมอ  ลักษณะเช่นนี้แพร่ไปทั่วทุกมุมโลกทั้งในประเทศอุตสาหกรรมและประเทศที่กำลังมุ่งสู่ความเป็นประเทศอุตสาหกรรม โดยที่มนุษย์ผู้สร้างวัฒนธรรมมิได้คำนึงถึงผลเสียที่เป็นปัญหาเรื้อรังและร้ายแรงมากขึ้นทุกที ๆ ซึ่งก็ คือ ปัญหาเกี่ยวกับระบบนิเวศวิทยาและความเสื่อมโทรมของสภาพจิตใจมนุษย์ในปัจจุบัน
      ทุกวันนี้ทรัพยากรหลักของโลกทั้งสามอย่าง อันได้แก่ ป่าไม้ น้ำ และอากาศ ต่างก็ถูกคุกคามทำลายจนมีสภาพเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ยากที่จะกอบกู้ให้กลับมามีสภาพดีดังเดิมตราบใดที่วัฒนธรรมนิยมความเป็นที่สุดยังฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของมนุษย์ยุคอุตสาหกรรมตราบนั้นความต้องการไม่สิ้นสุดก็ยังคงดำเนินต่อไปและปัญหาต่าง ๆ ก็ยังไม่มีทางจะหมดสิ้นไปได้เช่นเดียวกัน  เป็นที่น่าเสียดายที่ประเทศไทยได้รับวัฒนธรรมนี้มาเช่นเดียวกับประเทศอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทั่วโลกที่ประสบปัญหาทั้งทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรมนุษย์  ระบบนิเวศวิทยาถูกทำลายเสียหายมากมาย ทั้งโดยอุตสาหกรรมโรงงานและอุตสาหกรรมบริการต่าง ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งนับเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้หลักมาสู่ประเทศไทย คุณภาพชีวิตของคนดูจะลดลงมากโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ เช่น กรุงเทพมหานครและเมืองอุตสาหกรรมรอบนอก มลพิษโดยเฉพาะทางอากาศและทางเสียงเป็นปัญหาเรื้อรังซึ่งแก้ไขยากขึ้นทุกวัน ๆ ในปัจจุบัน  อย่างไรก็ดีขณะนี้ปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของโลกก็เริ่มได้รับความสนใจบ้างแล้ว  โดยเฉพาะในประเทศทางตะวันตกซึ่งพยายามหันมาแก้ไขและป้องกันอย่างจริงจังทั้งโดยวิธีรณรงค์สร้างสำนึกรับผิดชอบในสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและการใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด เป็นต้น มาตรการเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยให้สมดุลของระบบนิเวศวิทยาคงอยู่ต่อไป

      ประเทศไทยซึ่งรับเอาวัฒนธรรมทางอุตสาหกรรมเข้ามานั้นได้รับทั้งประโยชน์และโทษจากวัฒนธรรมเหล่านี้  ในส่วนของผลประโยชน์ที่เป็นการดี คือ ยกระดับความก้าวหน้าในการดำรงชีวิตอีกขั้นหนึ่ง แต่ในส่วนของโทษหากไม่ป้องกันและแก้ไขก็สามารถนำความหายนะอันใหญ่หลวงมาได้เปรียบดังดาบสองคมนั่นเอง  ปัจจุบันโทษของอุสาหกรรมที่มีต่อสิ่งแวดล้อมก็หนักและเฉียบพลันมากขึ้นทุกทีหากรัฐบาลไทยไม่ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดกวดขันเอาจริงเอาจังต่อการรักษาระบบนิเวศแล้ววิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็จะขยายตัวและทำร้ายคนไทยทั้งชาติอย่างแน่แท้ 

๖. การรวมเข้าที่ศูนย์กลาง 

      คือ ลักษณะของการรวบอำนาจทั้งหลายเข้าศูนย์กลางแห่งเดียวเพื่อควบคุมความเป็นไปทั้งปวงอย่างสิ้นเชิงนั่นเอง การรวมเข้าที่ศูนย์กลางอันเป็นวัฒนธรรมจากประเทศอุตสาหกรรมซึ่งประเทศไทยก็ได้รับมาเช่นกันมีลักษณะ ๒ ประการ คือ
๑) การรวมอำนาจเข้าที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ 
      เนื่องจากนับวันการลงทุนทางอุตสาหกรรมยิ่งมีมากขึ้นการขยายเครือข่ายสาขาของหน่วยงานต่าง ๆ ก็กว้างขวางขึ้นทุกที ลักษณะการรวมอำนาจเข้าที่ศูนย์กลางจึงมีความจำเป็น เช่น ธนาคารขนาดใหญ่มีเครือข่ายสาขาอยู่ทั่วโลกทั้งยังมีบริษัทย่อยอื่น ๆ ที่เกิดจากการลงทุนของธนาคารอีกด้วย พนักงานของธนาคารแห่งนี้จึงมีจำนวนมากมายและยังแบ่งเป็นหลายเชื้อชาติ ระดับการศึกษา และระดับอาวุโส  ดังนั้นวิธีการบริหารธนาคารแห่งนี้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดก็ คือ การรวมสารสนเทศและคำสั่งเอาไว้ที่จุดศูนย์กลางซึ่งหมายถึงสำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งนั้นนั่นเอง  
      พนักงานถูกจัดแบ่งออกเป็นระดับตั้งแต่ประธานกรรมการของธนาคาร คณะกรรมการ หัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ผู้จัดการสาขาย่อย ลงไปเรื่อย ๆ จนถึงพนักงานรับฝากเงิน - ถอนเงินที่เป็นผู้บริการลูกค้าโดยตรงเลยทีเดียว  พนักงานเหล่านี้ทั้งรับคำสั่งรายงานผลการทำงานและความเป็นไปต่าง ๆ จากกันเป็นทอด ๆ เป็นผลให้ผู้บริหารสามารถทราบทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแม้ในรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ อันเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายและวิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและส่งคำสั่งกลับลงมาตามลำดับชั้นในสายเดิม 
      ลัทธิอุตสาหกรรมถือว่าการบริหารงานทางเศรษฐกิจด้วยวิธีรวมอำนาจนี้มีประสิทธิภาพสูงสุดสามารถดำเนินการต่าง ๆ โดยรวดเร็วและผิดพลาดน้อย สำหรับประเทศไทยนั้นระบบบริหารงาน ประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเช่นเดียวกันและใช้ได้เป็นอย่างดี  เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างสม่ำเสมอบริษัทและหน่วยงานของภาคเศรษฐกิจได้ขยายตัวไปอย่างกว้างขวางมีเงินทุนหมุนเวียนและปริมาณการจ้างงานเพิ่มขึ้นตามลำดับ การบริหารงานแบบรวมเข้าที่ศูนย์กลางจึงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างยิ่ง 
๒) การรวมอำนาจเข้าที่ศูนย์กลางทางการเมือง 
      มีความคล้ายคลึงกับระบบการรวมอำนาจเข้าที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแต่ต่างกันในแง่ที่เป็นการรวมสารนิเทศและคำสั่งเอาไว้ที่จุดศูนย์กลางการปกครองแทน  การปกครองวิธีนี้เป็นวิธีที่ไทยใช้มาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อเป็นการดึงอำนาจจากเจ้าเมืองของหัวเมืองประเทศราชซึ่งมีอำนาจการปกครองดูแลเมืองของตนอย่างเป็นอิสระไม่ต้องรอรับฟังคำสั่งจากทางเมืองหลวงและอาจเกิดการตัดสินใจผิดพลาดใหญ่หลวงเกี่ยวกับนโยบายสำคัญบางประการ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่พระองค์จะต้องทรงดึงอำนาจกลับมาไว้ที่ศูนย์กลาง คือ กรุงเทพมหานคร เพื่อข้อมูลข่าวสารและปัญหาทั้งปวงของประเทศจะได้นำมาร่วมกันพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ 
      ประเทศไทยก็ได้ใช้ระบบการปกครองเช่นนี้ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา  แม้ว่าจะมีระบบเกี่ยวกับการตัดสินใจที่ป้องกันความผิดพลาดต่าง ๆ แต่ระบบการรวมอำนาจเข้าที่ศูนย์กลางนี้ก็ยังมีจุดบกพร่องเกี่ยวกับความไม่มีประสิทธิภาพไม่ทันต่อเหตุการเสมอเนื่องจากลำดับการรายงานสถานการณ์และลำดับการสั่งคำสั่งนั้นมีมากการปฏิบัติการต่าง ๆ จึงเป็นไปอย่างล่าช้าและบางครั้งช้าไป อาทิ เกี่ยวกับภัยธรรมชาติหรือการขออนุมัติงบประมาณทำให้เกิดการเสียหายแก่ประชาชนมากบ้างน้อยบ้าง  ดังนั้นรัฐบาลปัจจุบันจึงมีนโยบายที่จะพยายามกระจายอำนาจบางส่วนออกสู่หน่วยงานในต่างจังหวัดมากขึ้นเพื่อเป็นการลดขั้นตอนในการปฏิบัติงานลง  เพื่อความรวบรัดทันเหตุการณ์และเร่งความเจริญของท้องถิ่นนั้น ๆ ยิ่งขึ้น   เพราะหน่วยงานในท้องถิ่นมีอำนาจที่จะตัดสินใจการกระทำต่าง ๆ เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนโดยไม่ต้องมีการขออนุญาตเสนอเรื่องต่าง ๆ ผ่านลำดับยืดยาวสู่เมืองหลวงอย่างเคย  นับว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดีเนื่องจากความรวดเร็วทันเหตุการณ์เป็นสิ่งสำคัญในการปฏิบัติ งานอย่างได้ผล  อย่างไรก็ตามการดึงอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางนั้นจะเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพก็เพราะเครื่องมือการติดต่อสื่อสารมีประสิทธิภาพ  ผู้ที่ทำงานอยู่ในระบบนั้นตระหนักและเข้าใจในวัตถุประสงค์หลักของหน่วยงานองค์การที่ตนทำงานอยู่   ในวัฒนธรรมของสังคมอุตสาหกรรมองค์ประกอบทั้งสองประการนี้ต้องมีอยู่อย่างสมบูรณ์เพื่อความเจริญก้าวหน้าขององค์การหรือหน่วยงานนั้น ๆ นั่นเอง 
      ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมของไทยกับต่างประเทศโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นความสัมพันธ์ทางเดียว คือ ไทยเรารับอิทธิพลแนวความคิดวิถีการดำรงชีวิตจากประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาประเทศอุตสาหกรรมทั้งหลายซึ่งต่อไปประเทศไทยของเราคงมีส่วนที่จะรังสรรค์วัฒนธรรมเป็นแบบอย่างต่อสังคมอื่น ๆ บ้างในอนาคต

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow