Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับสากล

Posted By Plookpedia | 26 มิ.ย. 60
22,053 Views

  Favorite

ปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับสากล

 

เด็ก ๆ ลองนึกถึงสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา ว่ามีอะไรบ้าง บางคนอาจนึกถึงสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดก่อน เช่น เพื่อนสนิท สัตว์ที่เลี้ยงไว้ หรือต้นไม้ที่ปลูกไว้ในบ้าน แต่เด็กบางคนอาจจะนึกไปถึงสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน เช่น วิทยุ โทรทัศน์ ตู้เย็น และบางคนอาจนึกถึง ดิน น้ำ อากาศ หรือโรงงานต่าง ๆ ทั้งหมดที่กล่าวมาถือเป็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราได้ทั้งสิ้น
และถ้าจะถามต่อไปว่า ที่กล่าวกันว่า สิ่งแวดล้อมเสีย หรือเป็นพิษนั้น เด็ก ๆ เข้าใจกันอย่างไร

 

 

เด็กแต่ละคน ก็อาจจะนึกถึงสภาพสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางคนอาจจะนึกถึงน้ำในแม่น้ำลำคลองที่เน่าเสีย น้ำขุ่นข้น ด้วยโคลนตม และขยะมากมาย จะใช้อาบ หรือใช้ดื่มกินเหมือนแต่ก่อนนั้นไม่ได้ บางคนอาจจะบอกว่า ปัจจุบันดินที่ใช้ปลูกพืชนั้นเสีย เพาะปลูกพืชก็ไม่เจริญเติบโต เด็กบางคนอาจจะนึกถึงอากาศที่หายใจ ในชุมชนที่แออัด ไม่สดชื่นเหมือนในชนบทในที่ที่มีทุ่งนา ป่าเขา โล่งกว้าง ที่มีผู้คนอยู่กันไม่มากนัก เพราะกลิ่นที่ไม่สดชื่นนั้น มีกลิ่นเหม็นของขยะที่มนุษย์นำมากองสุมกันไว้ และยังมีกลิ่นเหม็นจากควันรถยนต์ และจักรยานยนต์ นอกจากนั้นก็มีเขม่าและควันไฟจากปล่องของโรงงานอุตสาหกรรมอีกมากมาย เหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรา

 

 

คงยังจำกันได้ถึงน้ำท่วม และลมพายุในภาคใต้ ซึ่งทำให้ผู้คน ตลอดจนวัว ควาย สัตว์เลี้ยง ล้มหายตายจากเป็นจำนวนมาก แท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยพลิกคว่ำ และเรือกสวนไร่นาล่มเสียหาย ครั้น พ.ศ. ๒๕๓๓ น้ำไหลบ่ามาท่วมภาคกลางเป็นเวลานาน ทำลายบ้านเรือน ถนนหนทาง สะพาน และพืชผัก ตลอดจนข้าวปลาอาหาร

 

 

น้ำมากมายมหาศาลนี้มาจากไหน ทำไมจึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และลมพายุแรงที่ไม่เคยพบเคยเห็นอีกเล่า หรือเป็นเพราะเราช่วยกันตัดไม้ทำลายป่า และทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษคนละไม้คนละมือ คำตอบ
ก็คือว่า ป่าไม้ที่หายไป และพิษภัยในสิ่งแวดล้อมเริ่มแสดงผล เป็นปัญหาในวงกว้างเกินกว่าที่เคยคิดกันไว้ ไกลจากตัวเราออกไป กระทบต่อเพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมโลก และย้อนกลับมากระทบตัวเราด้วยในที่สุด

 

 

มนุษย์เรายังช่วยกันสร้างมลพิษขึ้นมา จนกระทั่งทำลายสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติให้เสียไปใช่หรือไม่ ถ้าใช่ แล้วใครจะเป็นผู้แก้ไขสภาพแวดล้อมที่เสียไป ให้กลับคืนสู่สภาพที่ดีขึ้นได้ คำตอบ ที่ทำได้ และทำง่ายที่สุดก็คือ เด็กทุกคนจะต้องช่วยกันแก้ไขเสียตั้งแต่วันนี้ จะทำให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษลดลงได้มากในวันข้างหน้า ถ้าเด็กทุกคนเห็นด้วย พร้อมและเต็มใจที่จะช่วยกันลดมลพิษในสิ่งแวดล้อม จงปฏิบัติดังต่อไปนี้

 

 

๑. ช่วยกันปลูกต้นไม้และดูแลรักษาต้นไม้ในบริเวณบ้าน โรงเรียน สวนสาธารณะ และตามถนนหนทางทั่วไป

๒. ทิ้งขยะให้เป็นที่ คือ ทิ้งลงในถังขยะ ไม่ทิ้งลงในแม่น้ำ ลำคลอง และจงกำจัดขยะให้ถูกวิธี

 

 

๓. ใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด อย่าเปิดไฟฟ้าทิ้งไว้ หรือใช้เกินจำเป็น เพราะมีผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบย้อนกลับบางประการมาสู่สิ่งแวดล้อมและมนุษย์ได้เช่นกัน

 

 

๔. เลือกใช้ของอย่างประหยัด เพราะนอกจากต้องซื้อหามาแล้ว ในการผลิตยังใช้พลังงานอีกไม่น้อย เมื่อทิ้งขว้างก็กลายเป็นของเสีย เกิดพิษภัยต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นจนจบ จึงควรคิดให้รอบคอบเสียก่อนทุกคราวไป ดังนั้นขวดแก้วใส่น้ำหวานได้หลายต่อหลายครั้ง จึงดีกว่ากระป๋อง เพราะเราทิ้งกระป๋องเป็นขยะทุกครั้ง แต่เราเอาขวดมาล้างแล้วใช้ใหม่ได้

๕. ชักชวนกันใช้ของธรรมชาติ เช่น ใบตอง ดีกว่าของทำเทียมขึ้นมา ซึ่งได้แก่ ถุงพลาสติก กล่องโฟมเก็บความร้อน หรือความเย็น เพราะช่วยลดสิ่งแวดล้อมในระหว่างการผลิต และเมื่อทิ้งเป็นขยะ

 

 

๖. ควบคุมการผลิต และการใช้สารมลพิษ ซึ่งมีผลกว้างไกล เช่น น้ำยาบางชนิดในเครื่องทำความเย็น น้ำยาดับเพลิงแบบใหม่ (ฮาลอน) เป็นต้น

 

นอกจากตัวอย่างต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ขอให้เด็ก ๆ จงช่วยกันคิดพิจารณาว่า ยังมีอะไรอีกบ้างที่เป็นสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นพิษต่อมวลมนุษยโลก และขอให้คิดก้าวไกลต่อไปอีกว่า เด็กๆ จะช่วยกัน อย่างไร ที่จะลดมลพิษในสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง เพื่อประชากรของโลกจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 

---------------------------------------------------------------------

 

สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรา ที่มีปริมาณมากมายมหาศาลสุดที่จะนับได้ ได้แก่ ดิน น้ำ อากาศ พืช สัตว์ คน และสารต่าง ๆ ซึ่งมีมากมายหลายชนิด ที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์ นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น แต่ก็สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ได้แก่ พลังงาน
ต่าง ๆ เช่น พลังงานความร้อน แสง เสียง และแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น

 

ภาชนะจำพวกโฟม เมื่อใช้ครั้งเดียวก็ต้องทิ้ง ทำให้ต้องใช้พลังงานในการผลิตใหม่

 

เมื่อกล่าวถึงสิ่งแวดล้อมเสียหรือเป็นพิษ หมายความว่า สภาพของสิ่งแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงไป จนเกิดผลกระทบต่อการดำรงชีพของมนุษย์ ในปัจจุบันเรามักจะได้ยินที่กล่าวกันว่า ดินเสีย น้ำเสีย อากาศเป็นพิษ และแสงเสียงเป็นพิษ ถ้าลองพิจารณา และวิเคราะห์หาสาเหตุแล้ว จะพบว่า สาเหตุต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของมนุษย์นั้นเอง เป็นต้นว่า

   ๑. มนุษย์ตัดไม้ทำลายป่ากันมากขึ้น

   ๒. มนุษย์เผาเชื้อเพลิงตามบ้านเรือน และตามโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้น

   ๓. มนุษย์ผลิตสารสังเคราะห์บางอย่างที่ไม่สลายตัว และสลายตัวยากมากขึ้น เช่น พลาสติก โฟม จึงทำให้เกิดขยะเหล่านี้มากขึ้น ส่วนสารบางอย่างที่เป็นก๊าซ เช่น ฟรีออน ซึ่งใช้ช่วยในการฉีดสเปรย์ และใช้ในเครื่องทำความเย็น ก็จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นในอากาศ ฟุ้งกระจายทั่วไป ซึ่งจะไปทำลายโอโซนในบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกไว้ และมีผลกระทบทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น

   ๔. มนุษย์สร้างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นใช้แทนวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ใช้ไฟเบอร์กลาสแทนไม้ ใช้ฟรีออนแทนแอมโมเนียเหลวในตู้เย็น และใช้ผลซักฟอกแทนสบู่ เป็นต้น เมื่อใช้แล้ว มีสิ่งตกค้างเป็นมลพิษอยู่ในอากาศ ในน้ำ และในดิน ทำให้เกิดผลเสียหายต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ด้วยกันเองในที่สุด

   ๕. มนุษย์สร้างอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด ให้มีความร้อน แสง เสียง ที่ทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ได้มากขึ้น

   ๖. มนุษย์สร้างยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง เช่น จักรยานยนต์ รถยนต์ และยานอวกาศ เพื่อออกไปสำรวจอวกาศนอกโลกมากขึ้น ก๊าซที่เหลือจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ได้แก่ ออกไซด์ของไนโตรเจน และคาร์บอน จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นในอากาศ

 

การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงจากยานพาหนะต่าง ๆ จะทำให้ออกไซด์ของไนโตรเจนและคาร์บอนเพิ่มขึ้นในอากาศ

 

 

สารมลพิษ

หมายถึง สารต่าง ๆ ที่มีอยู่ในดิน ในน้ำ และในอากาศ มีปริมาณมากกว่าปกติ ทำให้เกิดผลกระทบ ต่อการดำรงชีพของมนุษย์ พืช และ สัตว์ ถ้าแยกประเภทสารมลพิษออกตามสถานะ จะมีอยู่ ๓ กลุ่ม คือ

   ๑. สารมลพิษที่อยู่ในสถานะก๊าซ เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ของธาตุกำมะถัน ไนโตรเจน และคลอรีน เป็นต้น

   ๒. สารมลพิษที่อยู่ในสถานะของเหลว เช่น ละอองน้ำกรดต่าง ๆ ของธาตุกำมะถัน ไนโตรเจนที่ละลายอยู่ในน้ำฝน หรือละลายอยู่ในน้ำใต้ดิน หรืออยู่ในน้ำเสียจากน้ำทิ้งตามบ้านเรือน และจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เมื่อไหลลงสู่แม่น้ำลำคลอง ก็จะทำให้น้ำเสีย ทำให้พืชและสัตว์น้ำบางขนิดตายและสูญพันธุ์

 

สิ่งปฏิกูลจากโรงงานอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดน้ำเสียในแม่น้ำลำคลอง ทำให้พืชและสัตว์น้ำบางชนิดตายหรือสูญพันธุ์ได้



   ๓. สารมลพิษที่อยู่ในสถานะของแข็ง เช่น เขม่า ควัน สารสังเคราะห์บางอย่างที่ใช้แล้ว สลายตัวยาก เช่น ถุงพลาสติก โฟม และไฟเบอร์ เป็นต้น ทำให้มีขยะปะปนอยู่ในน้ำ และในดินอยู่ทั่วไป

 

การตัดไม้ทำลายป่า ทำให้เกิดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมตามมาในภายหลัง

 

 

สภาวะที่เป็นพิษและที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ 

   ๑. อากาศที่หายใจไม่บริสุทธิ์ มีเขม่า ควัน ปะปนมา ตลอดจนมีกลิ่นเหม็น และมีก๊าซที่เป็นอันตรายต่อระบบหายใจของมนุษย์

   ๒. น้ำท่วมไร่นา บ้านเรือน ถนน เสียหายโดยฉับพลัน 

   ๓. น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายมากขึ้น ทำให้น้ำทะเลมีระดับสูง และไหลเข้ามาปนกับน้ำจืด ในแม่น้ำลำคลองมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อบ้านเรือน และพืชที่ปลูกไว้ริมน้ำ

   ๔. ฝนเป็นกรด ทำลายพืชพันธุ์ธัญญาหาร ทำลายดิน ทำให้ปลูกพืชไม่งอกงาม 

   ๕. โลกจะร้อนขึ้น 

   ๖. ฤดูกาลจะปรวนแปร 

   ๗. ชั้นโอโซนถูกทำลาย และไม่ช่วยกรองรังสีอันตราย ทำให้ตาเป็นต้อ และผิวหนังเป็นมะเร็ง

 

การเกิดมลพิษในสิ่งแวดล้อม 

   ๑. มลพิษที่เป็นก๊าซของเหลว และของแข็งนั้น จะเกิดขึ้นจากธรรมชาติ จากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง จากการตัดไม้ทำลายป่า และจากการปนเปื้อนแทรกซึมของสารสังเคราะห์บางชนิด ที่มนุษย์เราผลิตใช้กันมากขึ้น

   ๒. มลพิษที่เป็นพลังงาน เช่น พลังงานความร้อน ที่ทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น เนื่องมาจากการตัดไม้ทำลายป่า การทำลายโอโซนในบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกไว้ การสร้างยานพาหนะ ที่มีการเผาไหม้สูง หรือมีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เป็นต้น ส่วนมลพิษที่เป็นพลังงานชนิดอื่น เช่น แสง เสียง และแม่เหล็กไฟฟ้านั้น ก็เกิดจากการที่มนุษย์ผลิตสินค้า และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ไปทำลายประสาทหู ตา และประสาทสัมผัสอื่นของมนุษย์มากขึ้น

 

การควบคุมและการป้องกันแก้ไขปัญหามลพิษ 

เมื่อทราบสาเหตุ และการเกิดมลพิษในสิ่งแวดล้อมแล้ว เราก็จะสามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ ถ้าทุกคนทุกฝ่ายให้ความร่วมมือกัน เช่น

   ๑. ช่วยกันปลูกต้นไม้ให้มากขึ้น ไม่ตัดไม้ทำลายป่าโดยไม่จำเป็น 

   ๒. ดูแลรถยนต์ไม่ให้มีควันดำ และหมั่นปรับเครื่องยนต์เสมอ 

   ๓. ประหยัดพลังงานไฟฟ้า เพราะมีส่วนช่วยลดเขม่าควัน ก๊าซไอเสียต่าง ๆ ตลอดจนกรด จึงช่วยป้องกัน และลดฝนกรด ตลอดจนลดก๊าซ ซึ่งทำให้โลกร้อนขึ้น

   ๔. เลือกใช้ของอย่างประหยัด โดยคิดถึงประโยชน์ระยะยาว หากใช้ได้ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ย่อมดีกว่าใช้แล้วทิ้งทุกครั้ง เข่น ขวดแก้วใช้ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กระป๋องใช้ได้ครั้งเดียว จึงต้องใช้พลังงานผลิตอยู่ร่ำไป

   ๕. ใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง ดีกว่าวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งได้แก่ ถุงพลาสติก กล่องโฟมเก็บรักษาความร้อน หรือความเย็น
 

ถ้าใช้ใบตองห่ออาหาร เป็นการควบคุมและป้องกันภาวะมลพิษเพราะไม่ต้องใช้พลังงานในการผลิต

 

นอกจากนี้อาจจะมีวิธีอื่น ๆ อีก ที่สามารถแก้ไข ควบคุม และป้องกันภาวะมลพิษ และสารมลพิษได้ หากเราทราบสาเหตุ ตัวต้นเหตุ และการเกิดที่แน่นอน และชัดเจน

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow