สิ่งมีชีวิตต้องอาศัยพลังงานในการดำรงชีวิตและเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีนับตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวินาทีสุดท้าย เช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์ให้ความอบอุ่นแก่มนุษย์และยังช่วยให้เกิดการสังเคราะห์แสงเพื่อผลิตอาหารในพืช เราใช้ฟืน ถ่าน และก๊าซให้พลังงานความร้อนสำหรับการหุงต้มอาหาร เราใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงให้พลังงานสำหรับการขับเคลื่อนยานพาหนะ เช่น รถยนต์ รถบรรทุก เรือ และเครื่องบิน เราใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เป็นพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ เช่น ทำให้หลอดไฟฟ้าเกิดแสงสว่าง ทำให้เกิดความร้อนในหม้อหุงข้าว ทำให้เกิดความเย็นภายในตู้เย็น
นอกจากพลังงานข้างต้นแล้วก็ยังมีพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งเรามักจะคิดว่าเป็นสิ่งที่มีโทษอย่างมหันต์ต่อมนุษย์ เนื่องจากเรามักจะได้ทราบข่าวเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ในทางลบ เช่น มีการสร้างและใช้อาวุธนิวเคลียร์ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด มีคนขโมยอุปกรณ์นิวเคลียร์ที่เลิกใช้แล้วแต่ยังมีพลังงานนิวเคลียร์หลงเหลืออยู่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยอย่างร้ายแรงได้ แต่ในความเป็นจริงสามารถนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ได้มากมายหลายด้านแม้แต่ในชีวิตประจำวันของเราโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว มีการใช้รังสีแกมมาซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของพลังงานนิวเคลียร์ ฆ่าเชื้อโรคและถนอมอาหาร เช่น ใช้ฆ่าเชื้อโรคในแหนมช่วยให้เก็บมะขามหวานได้นานขึ้น ควบคุมการงอกของหอมหัวใหญ่และกระเทียม มีการนำเทคนิคทางนิวเคลียร์ไปใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร เช่น การปรับปรุงพันธุ์พืชและการกำจัดศัตรูพืช การผลิตสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ยาสีฟัน กระดาษ กระเบื้อง และยางรถยนต์ ใช้อุปกรณ์นิวเคลียร์เป็นองค์ประกอบในการควบคุมคุณภาพและลดต้นทุนการผลิต เมื่อเจ็บป่วยมีการตรวจวินิจฉัยโรค เช่น ตรวจฟันและปอด ด้วยรังสีเอกซ์ รักษาโรคบางโรค เช่น รักษามะเร็งด้วยรังสีแกมมา
พลังงานนิวเคลียร์มีทั้งที่เกิดในธรรมชาติและจากการกระทำของมนุษย์ รังสีจากธรรมชาติ เช่น จากการสลายตัวของสารกัมมันตรังสีที่มีในพื้นดิน สินแร่ และสิ่งแวดล้อม ส่วนพลังงานนิวเคลียร์ที่มาจากการกระทำของมนุษย์มีหลายรูปแบบ เช่น การเดินเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู เครื่องเอกซเรย์ พลังงานนิวเคลียร์มีประโยชน์มากมายแต่ก็มีโทษเช่นกันถ้ามนุษย์ได้รับรังสีมากเกินไปจะทำให้เกิดอันตรายเกิดโรคต่าง ๆ และเสียชีวิตได้ จึงจำเป็นต้องมีการป้องกันในการทำงานเกี่ยวกับรังสีและการใช้รังสีได้มีการออกระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อป้องกันอันตรายแก่ผู้ที่ทำงานในบริเวณที่มีรังสี และสาธารณชน เช่น ต้องติดป้ายเตือนอันตรายจากรังสีอย่างชัดเจน ต้องทิ้งหรือทำลายวัสดุกัมมันตรังสีตามวิธีที่กำหนด
พลัง
พลังงานนิวเคลียร์มีทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ในดวงอาทิตย์ ในพื้นดินและที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ พลังงานนิวเคลียร์นอกจากสามารถปลดปล่อยออกมาในรูปของรังสีและอนุภาคซึ่งบางครั้งเราเรียกรวม ๆ กันว่า รังสี ตามที่กล่าวมาแล้ว ยังสามารถปลดปล่อยพลังงานชนิดอื่นออกมาด้วย เช่น พลังงานความร้อน พลังงานแสง วิธีการปลดปล่อยพลังงานมี ๓ ลักษณะ คือ พลังงานนิวเคลียร์ที่ถูกปลดปล่อยออกมาในลักษณะเฉียบพลัน พลังงานจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ซึ่งควบคุมได้ และพลังงานนิวเคลียร์จากสารกัมมันตรังสี เราจึงเลือกใช้ลักษณะการปลดปล่อยพลังงานให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น การปลดปล่อยแบบเฉียบพลันใช้ในการขุดหลุมลึกขนาดใหญ่ การขุดทำโพรงใต้ดินสำหรับการกระตุ้นแหล่งน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ พลังงานนิวเคลียร์ที่ควบคุมได้ เช่น เครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูหรือเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ใช้ผลิตสารกัมมันตรังสีและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูวิจัยโดยมีการใช้ประโยชน์จากเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูวิจัยดังกล่าวนี้ ในด้านต่าง ๆ คือ
ได้มีการนำรังสีหรือสารกัมมันตรังสีโดยใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่ได้มีการคิดค้นและปรับปรุงเพื่อประโยชน์ในด้านต่าง ๆ คือ การแพทย์ และอนามัย อุตสาหกรรม การเกษตร และสิ่งแวดล้อม ดังตัวอย่างต่อไปนี้
มีดังนี้
ได้มีการนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางด้านอุตสาหกรรมอย่างแพร่หลาย จำแนกได้ ๓ แบบ ตามวิธีการของเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ดังนี้
มีการใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อกิจการต่าง ๆ เช่น ส่งเสริมการเกษตรเพื่อเพิ่มปริมาณเพิ่มคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร เช่น ปรับปรุงพันธุ์พืช การถนอมอาหารด้วยรังสี ศึกษาเกี่ยวกับการดูดซึมแร่ธาตุและปุ๋ยของต้นไม้และพืชเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงการใช้ปุ๋ยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
มี ๒ ทาง คือ การรักษาและพัฒนาสภาพของสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นและการตรวจและควบคุมปริมาณรังสีที่มีอยู่ในธรรมชาติให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อมนุษย์ เช่น การใช้รังสีแกมมาจากโคบอลต์-๖๐ ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ในน้ำทิ้งจากชุมชนและโรงพยาบาลเพื่อป้องกันโรคระบาด
รังสีจากพลังงานนิวเคลียร์มีประโยชน์มากมายตามที่กล่าวมาแล้ว แต่ก็มีพิษภัยด้วย คือ สามารถก่อให้เกิดความเสียหายของเซลล์สิ่งมีชีวิต ถ้าได้รับรังสีมากอาจทำให้มีการป่วยทางรังสีจนเสียชีวิตได้ เช่น ถ้าได้รับถึง ๖,๐๐๐ มิลลิซีเวิร์ต จะทำให้อ่อนเพลีย อาเจียน ท้องร่วง ภายใน ๑ - ๒ ชั่วโมง เม็ดเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว ผมร่วง มีไข้ อักเสบบริเวณปากและลำคออย่างรุนแรง มีเลือดออก และมีโอกาสเสียชีวิตถึงร้อยละ ๕๐ ภายในเวลา ๒ - ๖ สัปดาห์ จึงต้องมีการตราพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติออกบังคับใช้ให้ผู้ใช้พลังงานนิวเคลียร์ทราบและปฏิบัติตาม มีการออกกฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่กำหนดไว้
ตัวอย่างสาระสำคัญของพระราชบัญญัติและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง มีดังนี้