ตับ
โรค
ภาวะ
โรค
แอลกอฮอล์
โรค
ถ้า
แอลกอฮอล์มีผลโดยตรงต่อหลอดอาหารและกระเพาะอาหารทำให้เกิดการอักเสบ เป็นแผล คลื่นไส้ อาเจียน รวมถึงอาเจียนเป็นเลือดได้ ยิ่งถ้าเกิดตับแข็งซึ่งทำให้หลอดเลือดของหลอดอาหารโป่งพองดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นโอกาสที่จะอาเจียนเป็นเลือดจำนวนมากจนถึงแก่ชีวิตก็ยิ่งสูงตามไปด้วย นอกจากนี้การบริโภคแอลกอฮอล์จำนวนมากอย่างต่อเนื่องจะมีผลต่อตับอ่อนได้ทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อตับอ่อนอย่างถาวรได้
แอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากจะมีผลต่อการทำงานของเม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นระบบภูมิต้านทานอย่างหนึ่งของร่างกายทำให้สมรรถภาพในการกำจัดเชื้อโรคเสื่อมถอยลงมีผลทำให้เกิดสภาพร่างกายอ่อนแอติดเชื้อได้ง่ายและรุนแรง นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังมีผลต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดอีกด้วยทำให้เกิดภาวะโลหิตจางและการแข็งตัวของเลือดผิดปกติไป
โรคหลอดเลือดในสมองและหลอดเลือดหัวใจ
แอลกอฮอล์จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่บริโภคตั้งแต่ ๓ ดริงก์ต่อวัน ซึ่งหากยังมีการบริโภคอย่างต่อเนื่องในลักษณะเช่นนี้ไปนาน ๆ จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ นอกจากนี้แล้วแอลกอฮอล์ยังทำให้คอเลสเทอรอลและไตรกลีเซอไรด์เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วยจึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตันทั้งในสมองและหัวใจอีกทั้งแอลกอฮอล์ยังเป็นพิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรง บางครั้งอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายอย่างถาวรได้ประมาณว่า ๑ ใน ๓ ของผู้ป่วยที่เป็นโรคของกล้ามเนื้อหัวใจเป็นผลมาจากการบริโภคแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มาก อาจทำให้การเต้นของหัวใจผิดปกติได้แม้ในผู้ที่ไม่เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อนก็ตาม
อัตราการเกิดมะเร็งจะพบได้สูงในผู้ที่ติดแอลกอฮอล์โดยเฉพาะโรคมะเร็งของหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งของตับ ลำไส้ใหญ่ และปอดด้วย โดยสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งอาจเกิดจากการที่แอลกอฮอล์มีผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเสื่อมลงและจากการที่แอลกอฮอล์เป็นพิษต่ออวัยวะเหล่านี้โดยตรง ถึงแม้จากการศึกษาจะพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ในผู้ที่ติดเหล้าจะเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจก็ตาม แต่การเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในคนเหล่านี้ก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยทีเดียว สถิติที่ได้จากการศึกษาต่าง ๆ พบว่าผู้หญิงที่ดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ ๑.๕ ดริงก์ต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมได้ ๑.๔ เท่าและการดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ ๔ ดริงก์ต่อวันในทั้งเพศหญิงและชายจะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งของหลอดอาหารและช่องปากประมาณ ๓ เท่า หากปริมาณการดื่มเพิ่มขึ้นเป็น ๗ - ๘ ดริงก์ต่อวัน ความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเป็น ๕ เท่า โดยสรุปแล้วคาดการณ์ได้ว่าผู้ที่ติดแอลกอฮอล์ จะพบการเกิดโรคมะเร็งของระบบต่าง ๆ สูง เป็น ๑๐ เท่าของคนปกติทั่วไป
หลายคนมีความเชื่อว่าแอลกอฮอล์ช่วยทำให้หลับสบายและหลายคนบริโภคแอลกอฮอล์เพื่อช่วยให้ตนเองหลับได้ดีขึ้นเป็นประจำ ความจริงแล้วแอลกอฮอล์มีผลต่อการนอนหลับมากกว่าที่คิด คือ แอลกอฮอล์ทำให้เกิดความรู้สึกง่วงได้จริงเมื่อเริ่มดื่มในช่วงแรก ๆ หลังจากนั้นเมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายและถูกเผาผลาญโดยตับจะทำให้เกิดสารเคมีตัวใหม่ซึ่งสารเคมีตัวนี้มีผลกระตุ้นสมองทำให้เกิดการตื่น ดังนั้นในครึ่งคืนแรกของการนอนอาจจะหลับได้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์แต่คุณภาพการนอนในช่วงครึ่งคืนหลังจะถูกรบกวนอย่างมากและเมื่อมีการใช้แอลกอฮอล์เป็นประจำทุกวันจะก่อให้เกิดภาวะติดแอลกอฮอล์ขึ้นนั่น คือ เมื่อไม่ได้ดื่มหรือลดปริมาณการดื่มลงจะทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ฝันร้าย กระสับกระส่าย จนต้องหันมาพึ่งแอลกอฮอล์เพื่อระงับอาการเหล่านี้ จนกลายเป็นวงจรของการติดแอลกอฮอล์ไป นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังทำให้สมองที่เกี่ยวข้องกับการนอนนั้นเสื่อมลงทำให้คุณภาพการนอนด้อยตามไปด้วยแม้ว่าจะหยุดดื่มแล้วก็ตามจึงสรุปได้ว่าการบริโภคแอลกอฮอล์เพื่อช่วยการนอนหลับนั้นกลับจะยิ่งเพิ่มปัญหาให้เกิดโรคนอนไม่หลับตามมาได้
ประมาณร้อยละ ๑๐ ของผู้ที่ดื่มจัดจะเกิดอาการชา ปวด หรือเจ็บตามปลายมือปลายเท้าทั้งสองข้างซึ่งเป็นผลโดยตรงของแอลกอฮอล์และภาวะพร่องวิตามินที่มีต่อระบบปลายประสาทในบางคนอาจมีอาการลักษณะนี้อย่างถาวรได้แม้จะหยุดดื่มไปแล้วก็ตาม
โรคจิตประสาทหลอน
ผู้ที่บริโภคแอลกอฮอล์จนติดนั้นอาจเกิดอาการหูแว่วได้ยินเสียงคนมาพูดต่อว่า ทำให้เกิดอาการหวาดกลัว หวาดระแวง ควบคุมตัวเองไม่ได้หรืออาจมีอาการสับสน เพ้อ จำเวลา สถานที่ และบุคคลไม่ได้ จำกลางวันสับสนกับกลางคืน จำคนรอบข้างใกล้ชิดไม่ได้ ประสาทหลอนเห็นภาพต่าง ๆ ที่ทำให้กลัว อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นหลังจากหยุดหรือลดปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์ลงภายใน ๑ - ๓ วัน บางรายอาจเกิดอาการชักนำมาก่อน ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นจะเป็นตัวบ่งบอกว่าสมองได้รับพิษจากแอลกอฮอล์ถึงระดับที่รุนแรงแล้วนอกจากนี้ภาวะขาดแอลกอฮอล์อาจทำให้เกิดอาการหูแว่วเพียงอย่างเดียวได้โดยมีอาการประสาทหลอนคิดว่ามีคนคอยจ้องที่จะทำร้าย ก่อให้เกิดอาการหวาดระแวง กลัวถูกฆ่า และควบคุมตัวเองไม่ได้ ถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรือจับผู้อื่นเป็นตัวประกัน อาการทางจิตต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้พบได้สูงถึงร้อยละ ๑๐ ของผู้ที่ติดแอลกอฮอล์
โรคสมองเสื่อม
จากการที่วิตามินบี ๑ ลดน้อยลง เนื่องจากการบริโภคแอลกอฮอล์และจากการที่แอลกอฮอล์มีพิษต่อเซลล์สมองโดยตรงทำให้ผู้ติดแอลกอฮอล์เกิดอาการสมองเสื่อมได้โดยความจำจะบกพร่องอย่างชัดเจน การตัดสินใจและการใช้เหตุผลผิดพลาดหรือบกพร่องไป ทักษะในการคิดก็เสื่อมลงตามตัวไปด้วย ในบางรายหากได้รับการรักษาไม่ทันอาจทำให้กลายเป็นโรคสมองเสื่อมอย่างถาวรได้ นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังไปมีผลต่อสมองส่วนเล็กที่เรียกว่า ซีรีเบลลัม (cerebellum) ทำให้สมองส่วนนี้เสื่อมลงซึ่งมีผลโดยตรงต่อการทรงตัวทำให้การยืนและการเดินไม่มั่นคง
สำหรับผู้ชายการดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่องมีผลทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมลงได้ในบางรายจะทำให้ลูกอัณฑะและท่อนำเชื้อฝ่อทำให้ปริมาณน้ำอสุจิและตัวอสุจิลดลงซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเป็นหมัน ส่วนในผู้หญิงการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นประจำอาจส่งผลให้ไม่มีประจำเดือน รังไข่มีขนาดเล็กลง เยื่อบุโพรงมดลูกผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มีบุตรยาก นอกจากนี้ อาจทำให้เกิดการแท้งบุตรในขณะตั้งครรภ์ได้
ผลของแอลกอฮอล์ต่อเด็กในครรภ์
ได้พบความสัมพันธ์อย่างชัดเจนระหว่างผลเสียของการดื่มแอลกอฮอล์ในขณะตั้งครรภ์กับความผิดปกติของทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์สามารถผ่านรกไปสู่เด็กในครรภ์ได้ง่ายซึ่งอาจมีผลทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์มารดาและเกิดการแท้งได้ นอกจากนี้ทารกที่คลอดจากมารดาซึ่งดื่มแอลกอฮอล์อาจพบความผิดปกติต่าง ๆ เหล่านี้ได้ เช่น ภาวะปัญญาอ่อน กะโหลกศีรษะเล็ก น้ำหนักแรกคลอดต่ำ และน้ำหนักตัวในช่วงพัฒนาการน้อยผิดปกติ ร่างกายเล็ก มีความผิดปกติของใบหน้า และในขณะที่เด็กโตขึ้นสามารถพบปัญหาทางพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น สมาธิสั้น มีความบกพร่องในการใช้สติปัญญา นอกจากนี้ยังสามารถพบความผิดปกติของหัวใจโดยกำเนิดได้โดยความผิดปกติต่าง ๆ เหล่านี้ จะเกิดขึ้นอย่างถาวรและเนื่องจากข้อมูลในปัจจุบันนี้ยังไม่พบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในระดับปลอดภัยที่จะไม่ทำให้เกิดผลต่าง ๆ ต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นการดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างการตั้งครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อบริโภคแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่องในปริมาณที่มากจะทำให้เกิด “การติด” ขึ้น โดยการติดนั้นแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือ ติดทางกายและติดทางใจ ลักษณะของการติดทางกายจะสังเกตได้เมื่อมีการหยุดดื่มหรือลดปริมาณการดื่มลงภายใน ๒๔ ชั่วโมง คือ จะเกิดอาการกระสับกระส่าย หงุดหงิด มือสั่น นอนไม่หลับ ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน และในบางคนจะได้ยินเสียงแว่ว ประสาทหลอน สับสน และชักได้ ส่วนลักษณะของการติดทางใจนั้นจะสังเกตได้ว่ามีอาการของความอยากอยู่เรื่อย ๆ ขาดไม่ได้ต้องพยายามหามาบริโภคแม้ว่าจะเสี่ยงต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานก็ตาม เมื่อผู้นั้นเกิดการติดแอลกอฮอล์แล้วก็จะกลายเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังในที่สุดโดยแอลกอฮอล์เริ่มไปมีผลต่ออวัยวะที่สำคัญต่าง ๆ ของร่างกายตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้นไม่ว่าจะเป็นสมอง ตับ หัวใจ และหลอดเลือด ทำให้เกิดโรคตับแข็ง ความจำเสื่อม และโรคหัวใจ การตัดสินใจและความมีเหตุผลลดลง ขาดสติ ซึ่งมีผลต่อความรับผิดชอบและหน้าที่การงานอย่างมาก