การตรวจสอบในระบบผลิตรถยนต์ แบ่งได้ เป็น ๒ ส่วน คือ
เป็นการตรวจสอบเพื่อควบคุมคุณภาพของชิ้นส่วนที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนได้ผลิตขึ้น ว่าได้คุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้หรือไม่โดยมีลักษณะที่จะต้องควบคุมโดยทั่วไป ๆ ไปคือ ขนาด รูปร่าง น้ำหนัก ความแข็งแรงของวัสดุ ความทนทานต่อสภาพต่าง ๆ เช่น กรด ด่าง เกลือ ทนทานต่อรังสีเหนือม่วง (อัลตราไวโอเลต) ทนทานต่อการเกิดลุกเป็นไฟ ขนาดกำลังไฟฟ้า อย่างไรก็ตามลักษณะที่ต้องควบคุมดังที่กล่าวมานี้ มิได้หมายถึงว่าชิ้นส่วนทุกชิ้นส่วนจะต้องถูกตรวจสอบตามลักษณะที่ต้องควบคุมทั้งหมดชิ้นส่วนบางชิ้นอาจจะมีเพียงไม่กี่ลักษณะที่จะต้องมีการตรวจสอบ
ชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตรฐานแม้เพียงชิ้นเดียวก็จะทำให้รถยนต์ทั้งคันไม่ได้มาตรฐานไปด้วย ดังนั้นการควบคุมคุณภาพในการผลิตจะต้องกระทำตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นชิ้นส่วนเพื่อไม่ให้มีของเสียในกระบวนการผลิตเลย
โดยทั่วไปจะมีหัวข้อในการตรวจสอบตามสายงานลักษณะภายในและระบบการทำงานของอุปกรณ์
๑.๑ การตรวจสอบสีของรถยนต์ว่า มีรอยขีดข่วน รอยแตกบวมของสี สีเรียบหรือไม่ มีรอยบุบรอยนูนของตัวถังหรือไม่
๑.๒ การตรวจสอบช่องไฟและความเรียบเสมอกันของตัวถัง เป็นการตรวจสอบช่องไฟรอยต่อของชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์เพื่อให้มีความสวยงาม
๑.๓ การตรวจสอบการประกอบชิ้นส่วนในรถยนต์ เพื่อตรวจดูช่องไฟ รอยต่อ ความเรียบเสมอของผิว และความเรียบร้อยในการประกอบ
๒.๑ การตรวจสอบการใช้งานของอุปกรณ์รถยนต์ เช่น เครื่องเล่นเทป วิทยุ เครื่องปรับอากาศ ว่ามีการทำงานตามขั้นตอนที่กำหนดไว้หรือไม่
๒.๒ การตรวจสอบอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัย เช่น ระบบเบรค ไฟฉุกเฉิน ไฟหน้า กระจกมองข้าง อีกทั้งยังเป็นข้อกำหนดตามกฏหมายในหลาย ๆ ประเทศที่เจริญแล้ว
๒.๓ การทดสอบการรั่วซึมของน้ำ ไม่ให้เข้ามาภายในรถยนต์ได้
๒.๔ การทดสอบวิ่ง เพื่อตรวจสอบการทำงานของชิ้นส่วน ช่วงล่างของรถยนต์และการประกอบ
๒.๕ การทดสอบเครื่องยนต์ เช่น แรงม้า ปริมาณก๊าซไอเสีย ที่ออกมาจากเครื่องยนต์ โดยการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะเรื่องของก๊าซไอเสียเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องใส่ใจเพราะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม