Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เศรษฐกิจ

Posted By Plookpedia | 06 มิ.ย. 60
2,074 Views

  Favorite

เศรษฐกิจ

สังคมไทยแต่ก่อนเป็นสังคมที่สบาย เพราะมีประชากรน้อย แต่มีที่ทำกินมาก อีกทั้งยังมีฝนตกเป็นประจำ เมื่อถึงฤดูกาล ทำให้ผู้คนกระจายกันอยู่ตามท้องถิ่นต่างๆ ตามใจชอบ การทำมาหากิน และอาชีพ มีความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ ที่อยู่โดยรอบบริเวณที่ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน ซึ่งถ้าหากพิจารณาจากความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้แล้ว ก็อาจแบ่งบรรดาชุมชนหมู่บ้านในชนบทออกเป็นสองพวกใหญ่ๆ ด้วยกันคือ ชุมชนของพวกชาวนา ที่ปลูกข้าวเป็นพืชหลักพวกหนึ่ง กับชุมชนของผู้ที่ไม่มีอาชีพในการทำนา
แต่ทว่าผลิตสิ่งของที่เกี่ยวเนื่องในการอุปโภคบริโภค จากทรัพยากรธรรมชาติในแหล่งที่ตนตั้งถิ่นฐานอยู่เพื่อมาดำรงชีวิต อย่างเช่น พวกที่อยู่ตามป่าเขาก็ต้องพึ่งผลิตผลจากป่าไม่ว่า
จะเป็นการล่าสัตว์ เลี้ยงสัตว์หรือเก็บของป่ากิน หรือพวกที่อยู่ทางชายทะเลก็มี อาชีพในการประมงคือจับปลา เป็นต้น ทั้งสอง พวกนี้ดูแตกต่างกันแต่เพียงผลิตสิ่งของที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่ทว่าคล้ายคลึงในวิธีการผลิตที่เป็นแบบเกษตรกรรมขั้นพื้นฐาน คือ เป็นการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีอย่างง่าย เช่น ใช้แรงงานคนหรือสัตว์เป็นสำคัญ ไม่จำเป็นต้องลงทุนลงแรงมากมาย เพราะทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิตนั้นอาจหยิบยืมแลกเปลี่ยน และขอแรงกันได้ ทั้งนี้ก็เพราะวัตถุประสงค์ในการผลิตนั้นก็เพื่อ การยังชีพภายในครอบครัวและชุมชนเป็นหลัก แล้วมีส่วนเกินที่จะนำไปแลกเปลี่ยนซื้อขายเพื่อ ให้ได้มาซึ่งสิ่งของจำเป็นแก่ชีวิตในด้านอื่น ๆ โดยทั่วไปแต่ก่อนนั้นชุมชนหมู่บ้านในแต่ละ ท้องถิ่นมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะทำอะไรให้ เลี้ยงตัวเองในด้านปัจจัยสี่โดยให้พึ่งพาสิ่งของจากภายนอกน้อยที่สุด จึงมักพบว่าในฤดูกาลที่ว่างจากการประกอบอาชีพหลักเช่นการทำนาแล้ว ชาวบ้านก็อาจจะทำไร่ ปลูกผัก ปลูกถั่ว ปลูกมัน หรือทำสวนครัวเพื่อให้มีอาหารเสริมรวมทั้งมีการทอผ้าและจักสานเครื่องจับปลา ดักสัตว์ รวมทั้งเครื่องใช้ไม้สอยที่พอจะนำมา แลกเปลี่ยนกันเอง ในลักษณะเช่นนี้ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินตราและมีการดำเนินการในเรื่องตลาดให้ใหญ่โตแต่เพียงอย่างใด ตลาดหรือ ย่านที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนในสังคมหมู่บ้าน แต่ก่อนนั้นจึงเป็นเพียงการที่มีผู้ผลิตสิ่งที่เป็น อาหารสด คาว และเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันมาแลกเปลี่ยนซื้อขายกันในตอนเช้า หรือตอนเย็นเท่านั้น ส่วนสิ่งที่เป็นสินค้าจำเป็นอื่น ๆ ที่มาจากที่ห่างไกลภายนอกนั้นมักจะ ซื้อขายกันในเวลามีตลาดนัด ซึ่งจัดให้มีขึ้นใน บริเวณที่คนจากหลายชุมชนพากันมาซื้อขาย ได้ในวันที่กำหนดไว้วันหนึ่งวันใดในสัปดาห์ ไม่ได้มีการวางขายในตลาดเป็นประจำอย่าง ถาวร นอกจากการมีตลาดนัดแล้วก็อาจมี กลุ่มชนที่มีอาชีพเป็นพ่อค้าเร่จากเมืองหรือ แหล่งผลิตสินค้าที่ห่างไกล นำสิ่งของเข้าไป จำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนผลิตผลทางเกษตรหรือ ของที่ได้จากป่ากับชาวบ้าน เช่น พวกมอญจาก ปากเกร็ดและปทุมธานีเอาพวกโอ่งไหใส่เรือ ไปขายให้คนทางภาคเหนือ หรือคนจีนจากใน เมืองเอาพวกของชำและเสื้อผ้าไปขายและแลก เปลี่ยนสิ่งของกับชาวบ้านที่อยู่ห่างไกล เป็นต้น ซึ่งการค้าขายแลกเปลี่ยนแบบนี้ก็จะมีเป็นฤดูกาลที่สะดวกแก่การคมนาคมเป็นสำคัญ ไม่ได้มีตลอดทั้งปี
ในทำนองเดียวกันก็มีพวกชาวบ้าน ที่เมื่อว่างจากการเพาะปลูกแล้ว หันมาประกอบอาชีพพ่อค้าแม่ค้าชั่วคราว นำเอาผลิตผลจากชนบทเข้ามาขายและแลกเปลี่ยนสินค้าในเมืองตามฤดูกาลที่การเดินทางไปมาสะดวก ส่วนมากการติดต่อค้าขาย และแลกเปลี่ยนสิ่งของตามฤดูกาลเช่นนี้ มักเป็นการเกี่ยวข้องกันระหว่างชุมชนในท้องถิ่นที่เป็นชนบทกับชุมชนเมือง
ที่เป็นศูนย์กลางในระดับจังหวัด และภูมิภาคเป็นสำคัญ

 

ตลาดสดในหมู่บ้านซึ่งมีสภาพเป็นสังคมหมู่บ้าน
ชุมชนริมน้ำ

 

ในอดีตชุมชนในระดับเมืองมิได้แตกต่างไปจากชุมชนหมู่บ้าน เป็นแต่เพียงศูนย์กลางในการปกครองท้องถิ่นเท่านั้น โดยเน้นที่จวนเจ้าเมืองเป็นสำคัญ ในส่วนที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของเศรษฐกิจการค้าขายแลกเปลี่ยนสิ่งของนั้น ก็เพียงแต่อาจเป็นสถานที่เกิดตลาดนัดขึ้นเป็น ประจำเท่านั้น ไม่ได้เป็นย่านตลาดที่มีพ่อค้า แม่ค้าอยู่ประจำและขายของกันตลอดเวลา
การมีย่านตลาดที่เป็นทั้งที่อยู่อาศัยและสถานที่ ค้าขายอย่างถาวรเช่นนี้ มักพบในเมืองใหญ่ซึ่ง เป็นศูนย์กลางการปกครองของจังหวัด หรือภูมิภาค เพราะเป็นศูนย์กลางการคมนาคม ที่ติดต่อได้สะดวก ทั้งบรรดาชุมชนหมู่บ้าน และเมืองอื่นๆ ที่อยู่ใกล้และไกลออกไป ฉะนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าชุมชนหมู่บ้านกับเมืองใหญ่ ที่มีฐานะเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในสมัยโบราณ มีความแตกต่างกัน ทั้งในระยะทางที่ห่างไกล และความสะดวกในด้านการคมนาคมติดต่อ จนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ สภาพการณ์จึง เปลี่ยนไป เพราะมีการสร้างถนน
ทางรถไฟ ตลอดจนกิจการขนส่งทางน้ำ เช่น เรือเมล์จาก เมืองหลวงไปยังจังหวัดต่างๆ ทำให้การไปมา หาสู่ระหว่างเมืองสะดวกขึ้น พร้อมกันนั้นก็มี ชาวต่างประเทศที่มีความรู้
ความชำนาญในกิจการ ต่าง ๆ ทางด้านเศรษฐกิจเข้ามาตั้งหลักแหล่งค้าขาย เกิดห้างร้าน บริษัท ธนาคาร ขึ้นในเมืองหลวง และหัวเมืองใหญ่ ๆ ในต่างจังหวัดหลายแห่ง

 

กลุ่มชนต่างชาติที่สำคัญที่ทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจเข้าสู่ชนบทในระดับเมืองเล็ก ๆ ที่เป็นศูนย์กลางของท้องถิ่นก็คือพวกคนจีน คนจีนเข้ามาเมืองไทยเป็นเวลานานแล้ว ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่ทว่าตั้งหลักแหล่งจำกัดอยู่เฉพาะในเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น โดย มีอาชีพการค้าขายและรับจ้างเฉพาะบางอย่าง เช่นงานช่างฝีมือและเจ้าหน้าที่ประจำเรือค้าขายของทางรัฐบาลไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ฯ คนจีนเข้ามามากโดยเฉพาะตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ ลงมา แพร่กระจายไปตามบ้านเล็กเมืองน้อยและท้องถิ่นต่าง ๆ มีอาชีพ
และการงานในระดับต่างๆ นับตั้งแต่การเข้ารับราชการเป็นขุนนางเป็นเจ้าภาษีอากร เป็นพ่อค้าทั้งขายปลีก ขายส่งและหาบเร่ เป็นกุลีรับจ้างแบกหาม งานช่าง และงานกรรมกร
แทบทุกชนิด โดยย่อก็คือคนจีนสามารถประกอบอาชีพได้มากมายหลายอย่าง ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่มีอาชีพ แต่เพียงเป็นกสิกร เช่น ชาวนาและชาวไร่ที่ทำการเพาะปลูกเพื่อเลี้ยงตัวเองเท่านั้น 

คนจีนที่เข้ามาเป็นชาวสวน และชาวไร่ ก็มีเป็นจำนวนมาก เช่น ทำสวนผัก สวนผลไม้ และพืชไร่ทางเศรษฐกิจ เช่น อ้อย และสับปะรด เป็นต้น แต่ทว่าการเพาะปลูกของคนจีนนั้นไม่ใช่ในระดับเพื่อเลี้ยงตัวเองอย่างคนไทย หากผลิตเป็นจำนวนมาก เพื่อขายให้ได้กำไร แล้วนำมาลงทุนขยายกิจการให้ใหญ่โตต่อไป ซึ่งในไม่ช้าก็เกิดอาชีพต่าง ๆ ที่หลากหลายขึ้น เกิดการขยายตัวทางการค้าขาย ที่แพร่จากเมืองหลวงสู่ หัวเมืองต่าง ๆ ในเวลาต่อมา การขยายตัวทาง เศรษฐกิจนี้เห็นได้จากความเคลื่อนไหวสองอย่าง ด้วยกัน อย่างแรกเกิดจากพ่อค้าคนกลางที่ออกไปซื้อขายและแลกเปลี่ยนสินค้ากับชาวบ้าน ชาวเมืองตามท้องถิ่นต่างๆ เป็นการกระตุ้นให้ชาวบ้านผลิตหรือเสาะหาสินค้าท้องถิ่นมาตอบ สนอง ในขั้นแรกก็ไปมาหาสู่กันตามฤดูกาล ต่อมาบรรดาพ่อค้าเหล่านั้นก็จะตั้งหลักแหล่งค้าขายอย่างถาวรในท้องถิ่นนั้น ๆ มีการแต่งงาน กันระหว่างคนจีนและคนท้องถิ่นขึ้น อย่างหลัง เป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวบ้าน และผู้ปกครอง ในท้องถิ่นที่ตอบสนองการขยายตัวทางการค้า เพราะความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น เจ้าเมือง หรือนายอำเภอ จึงชักชวน หรือสนับสนุนคนจีน ให้เข้ามาตั้งหลักแหล่งย่านตลาดขึ้น ในบริเวณใกล้กับจวนเจ้าเมือง หรือไม่เช่นนั้นก็ ในย่านที่เป็นศูนย์กลางของการคมนาคม จึงเป็นเหตุให้เมืองที่เคยมีสภาพเป็นชุมชนหมู่บ้าน กลับกลายเป็นชุมชนเมืองที่มีผู้คนหลายกลุ่ม หลายอาชีพมาอยู่ร่วมกัน ลักษณะที่โดดเด่น ของการมีย่านชุมชนที่เป็นตลาดขึ้นก็ คือ มีโรงมหรสพ สถานที่เล่นการพนัน บ่อนเบี้ย โรงน้ำชา และสถานที่บริการอื่น ๆ ซึ่งนับเป็นของแปลกใหม่ในสังคมหมู่บ้าน 

 

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จเปิดทางรถไฟสายโคราชเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๔
คนจีนสามารถประกอบอาชีพได้มากมายหลายอย่าง เช่น เป็นกุลีรับจ้างแบกหาม งานกรรมกรแทบทุกชนิด ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่มีอาชีพแต่เพียงเป็นกสิกร
ทำการเพาะปลูกเพื่อเลี้ยงตัวเองเท่านั้น

 

 

ฉะนั้นอาจกล่าวได้ว่านับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา ได้เกิดชุมชนที่เป็นย่านตลาดถาวรขึ้นตามท้องถิ่นต่างๆ ในระดับอำเภอเกือบทั่วทุกหนทุกแห่งในประเทศ ชุมชนที่เป็นย่านตลาดนี้มีโครงสร้างเป็นสังคมเมืองอย่างแท้จริง เพราะประกอบด้วยผู้คนหลายอาชีพหลายรูปแบบในการดำรงชีพมาอยู่รวมกัน กลายเป็นแหล่งศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและคมนาคม
ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้บรรดาผู้คนที่อยู่ในชุมชน หมู่บ้านต้องมาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเพราะเกิดความต้องการในสินค้าใหม่ ๆ ซึ่งหลาย ๆ อย่าง ไม่ใช่สิ่งจำเป็นแก่ชีวิตในด้านปัจจัยสี่ หากเป็นสิ่งของฟุ่มเฟือยเพื่อการมีหน้ามีตา และการเพลิดเพลินเท่านั้น 

ในขณะเดียวกันบรรดาพวกพ่อค้าในเมืองเหล่านี้ก็ทำหน้าที่เป็นคนกลางเข้าไปซื้อสินค้าที่ผลิตจากชาวบ้านในท้องถิ่นมาขายต่อไปยังที่อื่นอีกต่อหนึ่ง ทำให้เกิดการค้าในระบบตลาด
ที่ใช้เงินตราเป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนอย่างกว้างขวาง พร้อมกันนั้นก็เกิดกลุ่มชนชั้นกลางขึ้น อย่างแพร่หลายด้วยภาพพจน์ของสังคมชนบท ที่เริ่มมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ นั้น นอกจากเห็นได้จากการเกิดย่านตลาดขึ้นมาเป็นศูนย์กลาง ทางเศรษฐกิจสังคมของท้องถิ่นแล้ว ยังเห็นได้จากการเกิดขึ้นของบรรดาโรงสีและโรงเลื่อยไม้ ตามเส้นทางคมนาคมทั้งทางน้ำและทางบกในที่ต่าง ๆ รวมทั้งการเกิดรูปแบบอาคารบ้านเรือน ที่หลากหลายไปจากเดิม เช่น เกิดการสร้างบ้าน ขนาดใหญ่ด้วยไม้จริง หลังคาทรงปั้นหยา หรือมนิลา มีลวดลายสลักไม้ประดับตามหน้าจั่วซุ้ม ประตูหน้าต่าง รวมไปถึงอาคารที่เป็นตึกด้วย แม้แต่บรรดาเรือนแบบประเพณีที่เรียกว่า เรือนไทยก็มีการสร้างด้วยไม้จริงเป็นเรือนฝาเงยบัว และฝาปะกนเพิ่มขึ้น

 
ฉลากสินค้าหรือรูปโฆษณาสินค้าจากต่างประเทศที่เข้ามาสู่ประเทศไทย 
แสดงว่ามีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ

 

ส่วนบรรดาเมืองใหญ่ในระดับนคร ที่เป็นศูนย์กลางของจังหวัด และภูมิภาคนั้น เศรษฐกิจ ทำให้ย่านตลาดขยายใหญ่โตจนแยกออกจาก บริเวณที่เป็นศูนย์กลางการปกครอง และที่ทำการของรัฐบาล มีลักษณะเป็นชุมชนธุรกิจการค้า ที่บรรดาชนชั้นกลางอยู่อาศัย และประกอบกิจการ ลักษณะทั่วไปจะประกอบด้วยห้องแถว ที่มีทั้งตึกและอาคารไม้สองฟากถนน มีการ รวมกลุ่มกันเป็นหมู่ๆ ตามประเภทสินค้าที่มี ทั้งสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้าจำเป็นแก่ชีวิตประจำวัน มีย่านตลาดสด ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงมหรสพ เช่น โรงหนัง โรงละคร ร้านขายยา ทั้งยาฝรั่ง และยาสมุนไพร มีธนาคาร โรงรับจำนำ ศาลเจ้า ท่าเรือ และท่ารถ อันเป็นย่าน ชุมทางคมนาคมที่จะติดต่อไปยังที่อื่นๆ

ย่านตลาด หรือชุมชนธุรกิจการค้า ที่เกิดขึ้นนี้ นับเป็นผลิตผลอย่างแท้จริงจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิ จตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งถ้าหากมองในเรื่องพัฒนาการทางสังคมแล้ว ก็อาจกล่าวได้ว่า ทำให้เกิดความซับซ้อนทางสังคมเพิ่มขึ้น อย่างน้อยก็จะเห็นได้ว่าเป็นการ เพิ่มชนชั้นให้มากขึ้นกว่าแต่เดิมอีกชั้นหนึ่ง กล่าว คือแต่ก่อนสังคมไทยทั่วไปมีอยู่เพียงสองชนชั้น เท่านั้น คือ ชนชั้นปกครองและชนชั้นที่ถูก ปกครอง เช่น พวกไพร่ ข้าทาส ตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา ได้เกิดชนชั้นพ่อค้าหรือ ชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นมาอีกชนชั้นหนึ่ง นับเป็น ชนชั้นทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง และเป็นชนชั้น ที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวในสังคมไทยมากที่สุด เพราะเป็นชนชั้น ที่เกิดขึ้นโดยเสรีมากกว่าชนชั้น อื่นๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสถานภาพของคน จากการเป็นชาวนาหรือชาวไร่มาเป็นขุนนาง ข้าราชการอันเป็นชนชั้นปกครองนั้นดูยากเย็น เพราะถ้าหากไม่เป็นเชื้อสายผู้ดีมีตระกูล หรือ มีความสามารถเล่าเรียนเก่ง จนเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิตแล้ว โอกาสที่จะเขยิบฐานะให้สูงขึ้นก็ยาก แต่ทำนองตรงข้าม ถ้าหากเป็นคนขยัน หมั่นเพียร ทำการค้าขายจนร่ำรวย ก็อาจเปลี่ยนแปลงฐานะ จากชนชั้นชาวนา หรือกรรมกร มาเป็นชนชั้นกลาง ชั้นพ่อค้า ได้โดยไม่ยาก เหตุนี้ ชนชั้นกลางจึงเติบโตและขยายตัว ออกเป็นหลาย ระดับตามฐานะทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

 

สถานเริงรมย์ ย่านพัฒนพงศ์แหล่งบันเทิงของชาวไทยและต่างชาติ

 

 

 

 

 
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow