Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ตั้งเป้าออมเงินด้วยกัน เพื่องานแต่งในฝันของสองเรา

Posted By SET | 16 พ.ย. 65
5,822 Views

  Favorite

“รักกันมาตั้งนานเมื่อไรจะได้แต่งงานกับเค้าบ้าง พร้อมมากแล้ว ณ จุดนี้”

“ว่าที่พ่อตาเริ่มถามบ่อยละว่า เมื่อไหร่จะมาขอลูกสาวแต่งงานสักที”

“การแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน แต่ต้องเตรียมพร้อมเพื่อพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย และเพื่อครอบครัวของเราในอนาคตด้วย”

 

 

เมื่อคู่รักทั้งสองคนได้ตกลงปลงใจในการแต่งงานกันแล้ว หลายคนไม่ได้มี ฃการวางแผนเรื่องเงินเก็บเพื่อสานฝันในวันแต่งงาน จึงหยิบยืมเงินมาจากคนอื่นๆ ทำให้เกิดหนี้สินตามมา กลายเป็นความทุกข์ยากหลังวันแห่ง ความสุขของคู่บ่าวสาว มีหลายคู่ที่ต้องทำงานใช้หนี้งานแต่งงานกันไปอีกหลายปี การวางแผนออมเงินเพื่อการแต่งงานจึงเป็นเรื่องที่คู่รักทุกคู่ควรเตรียมพร้อม เพื่อความสุขสมบูรณ์แบบครั้งหนึ่งในชีวิตคู่

 

“5 เทคนิค พิชิตงานแต่งในฝัน” ช่วยคุณได้

 

1.ปักธงกำหนดวันแต่งงาน

เพื่อแสดงคำมั่นสัญญาแห่งรักของทั้งสองฝ่าย ที่สำคัญยังช่วยให้เกิดความชัดเจนของเป้าหมายและระยะเวลาวางแผนออมเงินสำหรับงานแต่งงาน โดยสามารถกำหนดคร่าวๆ ว่าจะแต่งงานกันใน อีก 2 ปี หรือ 3 ปีข้างหน้า เป็นต้น

 

2.สำรวจค่าใช้จ่ายทั้งหมด

ด้วยการประเมินรายละเอียดค่าใช้จ่ายว่าจะต้องเตรียมเงินไว้สำหรับอะไรบ้าง เช่น สินสอด แหวนหมั้น ชุดแต่งงาน ขบวนแห่ขันหมาก การจัดงานเลี้ยง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งควรพิจารณาทางเลือกที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานด้วยในขั้นตอนนี้คู่รักจะต้องช่วยกันตัดสินใจกำหนดงบประมาณให้ชัดเจน เพื่อจัดสรรเงินได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

 

ภาพ : Pixabay

 

ทั้งหมดนี้เป็นรายการค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ซึ่งไม่ว่าจะจัดในกรุงเทพฯ หรือในเขตเมืองใหญ่ๆ ก็ต้องเตรียมเงินไว้ไม่ต่ำกว่า 150,000 บาทขึ้นไป สำหรับงานแต่งงานในโรงแรม ร้านอาหาร สมาคม หรือสโมสร แต่ถ้าจัดในต่างจังหวัดแบบประหยัดๆ เลี้ยงเฉพาะในหมู่ญาติสนิทอย่างน้อยก็ต้องเตรียมเงินไว้ 50,000 บาทขึ้นไป โดยที่ยังไม่รวมค่าสินสอดทองหมั้น แหวนแต่งงานของคู่บ่าวสาวอีกด้วย

 

3.เดินหน้าเก็บเงินเพื่อการแต่งงาน

พอรู้เป้าหมาย ระยะเวลา และค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ก็อย่ามัวรอช้า เริ่มเก็บเงินได้เลย โดยแบ่งออมเงินแบบรายเดือน เช่น เป้าหมายเก็บเงินสำหรับแต่งงานจำนวน 500,000 บาท ภายในเวลา 3 ปี หรือ 36 เดือน ก็ต้องเก็บเงินให้ได้เดือนละประมาณ 14,000 บาท และตกลงร่วมกันว่าจะช่วยกันออกในสัดส่วนเท่าไหร่ เช่น คนละครึ่งหนึ่ง คิดเป็นเดือนละ 7,000 บาท และอาจเก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินในงานแต่งงานเพิ่มด้วย

 

เป้าหมายจัดงานแต่งงาน (บาท) ระยะเวลาเก็บเงินและต้องออมเงินเดือนละ (บาท)
1 ปี 2 ปี  3 ปี
50,000 4,167 2,083 1,389
100,000 8,333 4,167 2,778
500,000 41,667 20,833 13,889
1,000,000 83,333 41,667 27,778

 

4.เพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน

พอรู้เป้าหมาย ระยะเวลา และค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ก็อย่ามัวรอช้า เริ่มเก็บเงินได้เลย โดยแบ่งออมเงินแบบรายเดือน เช่น เป้าหมายเก็บเงินสำหรับแต่งงานจำนวน 500,000 บาท ภายในเวลา 3 ปี หรือ 36 เดือน ก็ต้องเก็บเงินให้ได้เดือนละประมาณ 14,000 บาท และตกลงร่วมกันว่าจะช่วยกันออกในสัดส่วนเท่าไหร่ เช่น คนละครึ่งหนึ่ง คิดเป็นเดือนละ 7,000 บาท และอาจเก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินในงานแต่งงานเพิ่มด้วย

เป้าหมายแต่งงาน (บาท) ระยะเวลาเก็บเงินและต้องออมเงินเดือนละ (บาท)
เมื่อได้รับอัตราผลตอบแทน 5% ต่อปี ทบต้นทุกเดือน
1 ปี 2 ปี 3 ปี
50,000 4,072 1,985 1,290
100,000 8,144 3,970 2,580
500,000 40,720 19,852 12,902
1,000,000 81,441 39,705 25,804

 

5.ใช้เงินตามแผนที่กำหนด

อย่าเพิ่มสิ่งที่ไม่จำเป็นมากเกินไปเพราะจะทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลายได้ และก็ไม่ควรจะประหยัดจนเกินไปเพราะจะทำให้งานแต่งงานในฝันออกมาไม่ประทับใจตามที่คาดหวังไว้ หลังเสร็จสิ้นงานแต่งงานแล้วลองคำนวณดูว่า มีเงินเหลือเท่าไหร่ ก็นำเงินก้อนนั้นมาเป็นเงินกองกลางของครอบครัวเพื่อเริ่มต้นชีวิตคู่ต่อไป

 

การแต่งงานเป็นเหตการณ์ที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ใครๆก็อยากให้เป็นความทรงจำที่ดีที่สุด ความมุ่งมั่นตั้งใจและความมีวินัยของคู่รักที่ร่วมกันสร้างเนื้อสร้างตัวตั้งแต่ด่านแรกของชีวิตคู่นี้ จะช่วยให้สานฝันให้เป็นจริงได้อย่างแน่นอน

 

ภาพปก : Pixabay

 

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • SET
  • 0 Followers
  • Follow