บทความที่แล้วเฟิร์นพูดถึง “10 ความเข้าใจผิดเรื่องเงิน ที่ทำลายชีวิตแต่งงาน” ที่ทาง Yahoo Finance รวบรวมไว้ไปแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งก็มีทั้ง
- ไม่ค่อยพูดคุยเรื่อง “เงิน”
- คิดว่า “ใช้เงินซื้อความรักได้"
- ไม่ยอมรับ “ความขัดแย้งเรื่องพฤติกรรมการใช้จ่าย”
- ไม่ตกลงกันว่าจะจัดสรรเงินยังไง
- ก่อหนี้...มากเกินไป
คราวนี้มาดูกันต่อว่า... มีเรื่องทัศนคติด้านการเงินอะไรอีกบ้างที่เราควรหลีกหนี ก่อนที่มันจะบั่นทอนการใช้ชีวิตคู่ของเรา
CESI Debt Solutions ทำการสำรวจพบว่า 80% ของคู่รัก มักแอบซ่อนการใช้จ่ายบางอย่างไม่ให้อีกฝ่ายรู้ และส่วนหนึ่งกลุ่มตัวอย่าง (30%) ก็ยอมรับว่า การไม่ซื่อสัตย์เรื่องการเงินในครอบครัว ร้ายแรงพอๆ กับการนอกใจ แต่ 79% ของคนกลุ่มนี้ก็ยังบอกความจริงเรื่องเงินกับเพื่อนของตนมากกว่าคู่ชีวิตเสียอีก
ใครไม่เจอกับตัวเองคงไม่เข้าใจ เพราะฟังดูผิวเผิน การหยิบยืมหรือให้คนในครอบครัวยืมเงิน ก็น่าจะเป็นเรื่องที่พูดคุยกันง่าย และไม่น่าจะสร้างปัญหาใดๆ
แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ไม่ว่าจะเป็นการทวงถาม (ในฐานะผู้ให้ยืม) หรือการขอผ่อนผัน (ในฐานะผู้ยืม) ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนัก และยังเป็นต้นเหตุของหลากหลายปัญหาที่ตามมา โดยเฉพาะถ้าเป็นญาติของคนรักเราด้วยแล้วล่ะก็ ทวงเงินหน่อย ก็หาว่าไม่มีน้ำใจ (ทั้งๆ ที่ครอบครัวเราเองก็ร้อนเงิน) หรือจะขอผัดผ่อนไปก่อน ก็ดันทำไม่ได้เพราะสามี (หรือภรรยา) บอกว่าเกรงใจญาติพี่น้อง (ทั้งๆ ที่ครอบครัวเราเองก็ฝืดเคือง) เป็นแบบนี้บ่อยๆ เข้า รับรองว่ามีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่ก่อหนี้กับคนในครอบครัวน่าจะเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมได้ดีกว่า
จริงอยู่ที่ “เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัด” แต่ก็อย่าลืมว่า ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปก็ทำให้ไลฟ์สไตล์หลายอย่างเปลี่ยนแปลงตาม เฉกเช่นเรื่องของ “เงิน” ที่คนรุ่นก่อนสอนให้แม่บ้านเป็นคนบริหารค่าใช้จ่ายรายวัน ส่วนพ่อบ้านก็ให้วางแผนการเงินครอบครัว และนำเงินไปต่อเงิน ซึ่งในปัจจุบันนี้อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดเสมอไป
วิธีการที่อาจจะดีกว่านั้นก็คือ ดึงเอาจุดแข็งของตน และคู่ชีวิต ที่มีมาใช้ทำในสิ่งที่ถนัด ช่วยกันบริหารเงิน เหมือนกับการที่บริษัทเฟ้นหาคนมาทำงาน ก็ต้อง put the right man in the right job นั่นเอง
ผลวิจัยหลายชิ้นสรุปตรงกันว่าการเห็นต่างที่เนิ่นนานขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นปมในใจของคู่รัก และส่งผลให้เกิดความรู้สึกเชิงลบต่อกันในท้ายที่สุด
การพูดคุยเรื่องเงิน อาจไม่มันเท่าการเม้าท์คนอื่น หรือคุยถึงเรื่องละครหลังข่าว... แถมบางครั้งบทที่คิดว่าจะพูดเรื่องเงินปุ๊บ ความเครียดก็ถาโถมเข้ามาปั๊บ
แต่จริงๆ แล้วเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องหนักหัวเสมอไป เพราะ “เงิน” อยู่ในทุกบริบทของชีวิตเราอยู่แล้ว เช่น การเดินทาง ทานอาหาร ดูหนัง หรือแม้แต่การออกกำลังกาย ก็ใช้เงินทั้งนั้น ดังนั้นลองมาเปลี่ยนวิธีการพูดคุยเรื่องเงินให้เป็นเรื่องสนุกกันบ้างดีกว่า อาจจะด้วยการวางแผนไปเที่ยวด้วยกัน แล้วคุยกันว่าทริปนี้จะใช้งบประมาณเท่าไหร่ดี ค่าที่พักอยู่ในราคาระดับไหน อาหารแต่ละมื้อน่าจะใช้จ่ายเท่าไหร่ เดินทางโดยสายการบินอะไรถูกและดี เป็นต้น แค่นี้การคุยเรื่องเงินก็สนุกแล้ว...จริงมั้ย
เฟิร์นเองก็เป็นครอบครัวหนึ่งที่คุยเรื่องเงินกันอยู่เสมอ ตั้งแต่เริ่มวางแผนใช้ชีวิตร่วมกัน ว่าจะเก็บเงินครอบครัวเดือนละเท่าไหร่ เอาไปลงทุนต่อยอดเงินแบบไหน แต่ละปีมีแผนการใช้เงินอย่างไร...เพราะเราทุกคนไม่มีใครอยากให้เงินมามีอำนาจเหนือเรา... ดังนั้นเราจึงต้องรีบควบคุม ดูแล และจัดการมันก่อนที่มันจะบงการชีวิตเรา (อันนี้พูดถึงเรื่องเงินนะคะ ไม่ใช่คนรัก 555)
และเมื่อเราวางแผนการเงินครอบครัวแล้ว ก็ย่อมใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ จะไปเที่ยวไหน จะซื้ออะไร จะพาพ่อแม่ไปตากอากาศที่ไหนก็ทำได้...เพราะชีวิตคือการวางแผน และแผนการที่ดีก็เริ่มจากทัศนคติที่ดี ก่อนจะตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ อย่าลืมปรับความเข้าใจเรื่องเงินซะใหม่ เส้นทางเดินของชีวิตรักจะได้ไม่มีเศษเหรียญใดมาทำให้ต้องสะดุด
ศิรัถยา อิศรภักดี (เฟิร์น)
นักจัดรายการ นักเขียน นักพูด
ด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน