401 Viewsถ้าเราลากเส้นตรงออกไปจากจุดหนึ่งโดยรอบมากเส้นหรือน้อยก็ตามให้อยู่ในระนาบใดรอบจุดนั้นก็ตามแต่ละเส้นนั้น เรียกว่า รังสีแสงแดดจากดวงอาทิตย์แสงจันทร์จากดวงจันทร์แสงสว่างจากไส้หลอดไฟฟ้าจากไส้ตะเกียง หรือจากดวงไฟในประภาคารชายฝั่งทะเลก็ประกอบด้วยรังสีของแสงสว่างจำนวนมากนับไม่ถ้วน
ในทางวิทยาศาสตร์ คำว่า "รังสี" จะหมายถึงรังสีของแสงสว่างที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ได้หรือจะหมายถึงรังสีของพลังงานที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ได้รังสีเอกซ์หรือที่เรียกกันทั่ว ๆ ไปอย่างแพร่หลายว่า เอกซเรย์ก็เป็นพลังงานรูปหนึ่งเช่นเดียวกับแสงสว่างแต่เป็นชนิดที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ารังสีเอกซ์นี้ไม่ได้เกิดเองตามธรรมชาติมนุษย์ต้องสร้างขึ้นโดยใช้เครื่องมือชนิดหนึ่ง เรียกว่า เครื่องเอกซเรย์
เมื่อเราป่วยไข้ เราได้ยินเสมอๆ ว่า แพทย์สั่งให้เราไปเอกซเรย์ เพื่อหาสาเหตุว่า เราป่วยเป็นอะไร เมื่อเราไปเอกซเรย์ เจ้าหน้าที่ซึ่งเรียกว่า พนักงานรังสีวิทยา ก็จะพาเราเข้าห้องเอกซเรย์ ฉายรังสีเอกซ์ทะลุตัวเราไปถูกฟิล์มเอกซเรย์ ซึ่งเหมือนกับถ่ายรูป แต่แผ่นใหญ่กว่า แม้รังสีเอกซ์จะผ่านทะลุตัวเรา แต่เราก็จะไม่รู้สึกอะไรเลย ต่อมา เจ้าหน้าที่ก็นำฟิล์มไปล้างตามกรรมวิธีในห้องมืด ไม่ช้าก็ได้รูปตัวเราออกมา มองเห็นเนื้อหนัง กระดูก ตับ ไต ไส้พุงต่างๆ ปรากฏอยู่บนฟิล์มเอกซเรย์ รังสีแพทย์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้รังสีเอกซ์ทางแพทย์ จะเป็นผู้อ่านฟิล์มเหล่านั้น เพื่อทำรายงานการวินิจฉัยว่า เรามีโรคหรือสิ่งผิดปกติใดๆ อยู่ในร่างกายหรือไม่ เมื่อแพทย์ผู้รักษาได้อ่านรายงาน ของรังสีแพทย์แล้ว ก็จะรักษาโรคของเราได้ถูกทาง ด้วยเหตุนี้ จึงนับได้ว่า รังสีวิทยามีประโยชน์มากมาย และจำเป็นอย่างยิ่ง ในการแพทย์แผนปัจจุบัน
วิชาที่ช่วยวินิจฉัยโรคด้วยรังสีเอกซ์นี้เรียกว่ารังสีวินิจฉัยซึ่งในปัจจุบันได้ก้าวหน้าไปมากมายอย่างรวดเร็วจนถึงกับใช้คอมพิวเตอร์เข้าช่วยทั้งในการถ่ายภาพเอกซเรย์และในการนำข้อมูลจากภาพเอกซเรย์คอมพิเตอร์มาใช้ในการวินิจฉัยโรค
นอกจากนี้รังสีเอกซ์ยังใช้ฉายเพื่อรักษามะเร็งได้ด้วยทั้งหมดนี้เป็นไปได้เพราะการค้นพบรังสีเอกซ์หรือรังสีเรินต์เกนโดยศาสตราจาย์วิลเฮล์ม คอนรัด เรินต์เกน ชาวเยอรมันในปี พ.ศ. ๒๔๓๘ (ค.ศ. ๑๘๙๕) และการค้นพบเอกซเรย์คอมพิวเตอร์โดย กอดเฟรย์ นิวโบลด์ เฮาน์สฟิลด์ ชาวอังกฤษและอัลเลน แมคลีออด คอร์แมค ชาวสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ (ค.ศ. ๑๙๗๒) ในปัจจุบันรังสีวิทยายังครอบคลุมไปถึงวิชาว่าด้วยการเอารังสีต่าง ๆ ตลอดไปจนถึงพลังงานในรูปอื่น ๆ เช่น คลื่นเสียง รังสีแกมมา รังสีเบตา รังสีอัลฟาและรังสีนิวตรอนมาใช้ให้เป็นประโยชน์ด้วย
เมื่อเรินต์เกนค้นพบรังสีเอกเรย์ใหม่ ๆ ยังไม่รู้จักผลทางชีววิทยาของรังสีเอกซ์ที่มีต่อเซลล์ของสิ่งมีชีวิตจึงทำให้เกิดอันตรายทั้งต่อคนไข้และแพทย์ตลอดจนพนักงานรังสีวิทยาแต่ปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์และรังสีแพทย์รู้จักสมบัติต่าง ๆ ของรังสีเอกซ์และรังสีอื่น ๆ เป็นอย่างดีจึงสามารถนำรังสีเหล่านี้มาใช้ได้อย่างปลอดภัย
ข้อควรระวังที่สำคัญ คือ รังสีเหล่านี้มีทั้งคุณและโทษถ้าจะใช้ให้มีแต่คุณและปราศจากโทษจะต้องใช้โดยผู้มีความรู้ทางด้านนี้โดยตรง เช่น รังสีแพทย์หรือพนักงานรังสีวิทยาภายในความควบคุมของรังสีแพทย์เท่านั้น