เด็กกลุ่มนี้มักมีความอยากรู้อยากเห็น มีพลังงานในตัวเองมาก นอกจากนี้เขาจะมีสมาธิดีมากในเรื่องที่สนใจ อาจค้นคว้าจนมีความรู้เกินวัย แต่ถ้าเรื่องไหนไม่อยู่ในความสนใจ ก็อาจไม่สนใจเลย จึงดูคล้ายเด็กสมาธิสั้นได้
• มีความสามารถในการเจรจา ใช้ศัพท์แสงอย่างผู้ใหญ่ และรู้คำมากมาย สามารถเขียนหรือพูดอธิบายความคิดอ่านของตนได้อย่างชัดเจน
• ช่างสังเกต และมีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเด็กทั่วไป
• สามารถจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องแม่นยำและเป็นเวลานาน
• มีสมาธิดีเยี่ยม สามารถเรียนรู้อะไรได้รวดเร็วง่ายดายและมีประสิทธิภาพยิ่ง
• มีความสนใจกว้างขวางและลึกซึ้ง สามารถเข้าใจสิ่งที่ซับซ้อนพิสดาร และเชื่อมโยงกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดี
• เข้มงวดกวดขันกับตนเอง
• มีความคิดอ่านนอกระเบียบแบบแผน ชอบคิดอะไรเล่นสนุก ชอบคิดทำอะไรอย่างอิสระ มีประสาทความรู้สึกนึกคิดว่องไวเป็นพิเศษ คิดลึกซึ้ง ประณีต และสามารถอ่านหนังสือได้ตั้งแต่เล็ก ๆ และอ่านได้แตกฉาน บางคนเริ่มอ่านหนังสือง่าย ๆ ได้ตอนอายุ 4 ปี หรืออ่านได้เทียบเท่ากับเด็กที่เรียนสูงกว่าสองชั้นเรียนเป็นอย่างน้อย
• มีทักษะพิเศษในด้านดนตรี นาฏศิลป์ ศิลปะ และการละคร
• เป็นคนอ่อนไหว จึงรู้สึกเจ็บปวด ผิดหวังได้ง่าย ตึงเครียดง่าย
• คาดหวังว่าทุกอย่างต้องสมบูรณ์ (Perfectionistic) ค่อนข้างเจ้ากี้เจ้าการ พยายามบริหารจัดการเพื่อน ครู ไปจนถึงพ่อแม่ และจะผิดหวังง่ายเมื่อคนอื่นไม่เห็นด้วย
• มีความรู้สึกผิดชอบ ชั่วดีสูง
หากลูกมีลักษณะของเด็กปัญญาเลิศ ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ต้องพาลูกไปทำการประเมินพัฒนาการ ทำแบบวัดความถนัดและตรวจวัดไอคิว จากนักจิตวิทยาหรือแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก เมื่อลูกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเด็กปัญญาเลิศแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรภูมิใจว่าลูกเป็นเด็กปัญญาเลิศ หรือสบายใจว่าลูกฉลาด ไม่ต้องช่วยเหลืออะไรแล้ว ในทางกลับกันเด็กปัญญาเลิศจะมีปัญหาหลายอย่างตามมา เช่น ปัญหาทางอารมณ์ และปัญหาการเข้าสังคม เพราะมีความเป็นตัวของตัวเอง และเชื่อมั่นในตนเองสูง จึงมักชอบทำงานคนเดียว สนใจเฉพาะเรื่องที่ตนเองสนใจ มีความสามารถหลายอย่าง จึงมักจะปฏิเสธคำแนะนำของพ่อแม่ และคุณครู เข้ากับเพื่อนวัยเดียวกันไม่ได้ และอาจมีปัญหาการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น จึงต้องได้รับการเลี้ยงดูและการสอนอย่างเข้าใจ เพื่อพัฒนาศักยภาพควบคู่ไปกับการเรียนรู้ทักษะด้านต่าง ๆ ของชีวิต
โดยเลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด คอยให้คำแนะนำเรื่องการพูดจา การแสดงออกทางอารมณ์ และพฤติกรรมต่าง ๆ รวมถึงสอนวิธีสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น เพื่อให้ลูกใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ
โดยพิจารณาจากความสามารถและความถนัดของเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจต้องขอความร่วมมือจากโรงเรียนและคุณครู เนื่องจากเด็กปัญญาเลิศเรียนรู้ไวกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก อาจทำให้เด็กเกิดความเบื่อหน่ายในชั้นเรียน คุณครูจึงควรจัดการเรียนการสอนแบบพิเศษที่แตกต่างจากเด็กคนอื่นในชั้น เช่น อาจให้เรียนวิชาที่เด็กถนัดกับเด็กรุ่นพี่ แต่เรียนวิชาพลศึกษาร่วมกับเพื่อนวัยเดียวกัน เป็นการจัดหลักสูตรแบบยืดหยุ่น หรือเลือกโรงเรียนสำหรับเด็กปัญญาเลิศโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกสามารถเรียนรู้ได้ตามศักยภาพ
อธิบายให้ลูกเข้าใจตามความจริงว่าเขาแตกต่างจากผู้อื่นอย่างไร โดยไม่ทำให้ลูกรู้สึกแปลกแยก และไม่ควรยกย่องหรือชื่นชมความเป็นอัจฉริยะของลูกมากจนเกินไป ควรส่งเสริมศักยภาพและอัจฉริยภาพลูกตามสมควร ไม่ควรผลักดันให้ลูกเรียนอย่างเดียว หรือพยายามพาลูกไปแข่งขัน เพราะอาจทำให้ลูกกดดันและเครียดได้
แม้จะมีสติปัญญาสูง แต่เด็กก็ยังมีความต้องการพื้นฐานแบบเด็ก ๆ ทั่วไป ควรให้เขาได้เติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ มีอิสระในการเรียนรู้และการเล่น โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยส่งเสริม