เรื่องและภาพ: แสงเหนือ

 Singapore เมืองดีมีดีไซน์ 
 

เมืองท่าสำคัญและทันสมัยของโลก ขนาดเล็กที่สุดแต่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนึ่งในนครรัฐสมัยใหม่ที่มีอายุเพียง 50 ปี มีทรัพยากรธรรมชาติน้อยแต่ร่ำรวย...ที่นี่คือ “สิงคโปร์”

การสร้างชาติของชาวเมืองสิงห์-สิงหปุระ ชื่อเดิมของสิงคโปร์ มีชาวจีนอาชีพพ่อค้านั้นเป็นผู้สร้างตั้งแต่แรกเริ่ม โดยอาศัยภูมิประเทศที่ตั้งอยู่ปลายคาบสมุทร เติบโตมาเป็นท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ที่ทันสมัยอันดับต้น ๆ และเป็นหนึ่งในศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก ณ ปัจจุบัน ทั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับประธานาธิบดี ลี กวน ยู ผู้ล่วงรับที่วางรากฐานประเทศไว้อย่างมั่นคงและยาวไกล

เริ่มต้นที่มิวเซียมแล้วต่อที่มิวเซียม

หากอยากเริ่มต้นทำความรู้จักกับอดีตของเมืองแห่งสิงห์ ควรเริ่มด้วยการใช้เวลาที่ National Museum of Singapore สักครึ่งวัน รู้จักกับบรรพบุรุษและรากเหง้าวัฒนธรรม ถึงจะไม่หยั่งรากลึกมากแต่มีเรื่องราวน่าสนใจมากมาย แล้วต่อด้วยการชมงานศิลปะร่วมสมัยที่ Singapore Art Museum เรียกชื่อย่อ ๆ ว่า SAM เส้นทางศิลปะและวัฒนธรรมของเกาะเล็ก ๆ ที่แหลมมลายูมีเอกลักษณ์เฉพาะ ผสมผสานระหว่างจีน ชวา และแขกซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเดิมได้ลงตัวด้วยเสน่ห์ของสีสัน

National musuem

งานดีไซน์ของสิงคโปร์นั้นได้รับการยอมรับในวงกว้าง โดยเฉพาะงานแนวศิลปะประยุกต์ อย่างงานกราฟิกดีไซน์ งานดิจิทัลอาร์ต และงานสถาปัตย์ Fifty Years of Singapore Design 1965 – 2015 จัดขึ้นเพื่อฉลองปี Jubilee Year ได้เอกราชจากอังกฤษครบ 50 ปี แสดงยาวถึงสิ้นปีที่ National Design Center แล้วจะได้รู้ถึงจุดเริ่มต้นของ Merlion สัญลักษณ์ของประเทศ ยาหม่องตาเสือ เก้าอี้พลาสติกแบบมีรู ตึกบะจ่าง ตึกหนามทุเรียน ตึกเรือ ฯลฯ

National Design Center
 

สถาปัตยกรรมเก่าเชื่อมใหม่
ถนน Raffles, Stamford, St.Andrew, และ Fullerton เป็นย่านเศรษฐกิจและย่านท่องเที่ยวหลัก ที่บอกเล่าอดีตถึงปัจจุบันได้ครบถ้วนกระบวนความ ผ่านงานสถาปัตยกรรมต่างยุคต่างสมัย เริ่มจากฝั่งเก่าอย่าง โรงแรม Fullerton, Victoria Theatre, Parliament House, สะพาน Cavenagh, สะพาน Anderson, โบสถ์ St. Andrew’s และ National Gallery Singapore หอศิลป์แห่งชาติ ที่ใช้อาคารทรงยุโรปของศาลากลางและอาคารศาลฎีกาเดิมเป็นที่ตั้ง จะเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนนี้ เข้าฟรีตั้งแต่ 24 พ.ย. – 6 ธ.ค. นี้เท่านั้นใครซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วห้ามพลาดเชียว

Dhoby Ghaut Green

National Gallery Singapore

โซนใหม่ที่โชว์ความอลังการ ความทันสมัยแห่งศตวรรษ และงานไอเดียสร้างสรรค์ ก็หนีไม่พ้นย่าน Marina Bay อันได้แก่ ตึกทุเรียน Esplanade Theatre, สนามฟุตบอลลอยน้ำ The Float, สะพานเกลียว The Helix, ArtScience Museum และโรงแรม Marina Bay Sand

ถนนสายชิค

วัยรุ่นอย่าเพิ่งเบื่อ สำหรับสายฮิปที่ไม่ถนัดเรื่องเก่า ๆ เราขอข้ามและตรงดิ่งไปเลยที่ Haji Lane, Tiong Bahru และ Chinatown รับรองถูกใจวัยทีนน่าช้อปน่านั่งทุกร้าน ใครชอบแบบคึกคักต้องที่ฮาจิเลน ช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ อารมณ์เดียวกับถนนข้าวสาร ผับแจ๊ส ร้านเสื้อผ้าแนววินเทจ ร้านเบอร์เกอร์ (I am) แต่ถ้าใครชอบแบบเนิบ ๆ จิบกาแฟฟังเพลงอ่านหนังสือก็ต้องย่าน Tiong Bahru ที่เก๋คูลสไตล์ซอยอารีย์ มีทั้งร้านกาแฟโอเพ่นแอร์ (plain vanilla) ร้านหนังสือคนล้น (Book Actually) ร้านอาหารจีนแบบบ้าน ๆ แต่คนต่อคิวเพียบ ร้านขนมปังประจำซอย (Tiong Bahru Bakery) กินน้ำแข็งเกล็ดหิมะและโทสต์สังขยาที่ไชน่าทาวน์ แล้วเดินชมช็อปเฮาส์มีดีไซน์กันแถว Club Street และ Ann Siang Hill
 

เย็นวันศุกร์สิ้นเดือนกินข้าวมันไก่ร้านดังที่ Maxwell Food Center ให้อิ่มแล้วค่อยข้ามถนนไปถ่ายรูปคู่ตึกแดง Red Dot Museum พร้อมช็อปของเก๋และดูคอนเสิร์ต ช่วงหลังห้าโมงเปิดให้เข้าฟรีและแฮงก์เอาท์ได้ถึงดึกดื่น

Red Dot Museum

เมื่อสนุกและเพลินกับดีเทล์ต่าง ๆ แล้วก็ถึงเวลาดูภาพรวมกันที่ Singapore City Gallery ที่เราจะได้บทสรุปว่า ข้อได้เปรียบของเมืองที่เกิดช้ากว่าใคร คือโอกาสในการเอาบทเรียนของเมืองรุ่นปู่ย่ามาปรับใช้ให้ยั่งยืน