เรื่อง: ศรินทร เอี่ยมแฟง
ศาลเจ้าเกียงอันเกง โบสถ์ซางตาครู้ส และวัดกัลยาณมิตร อาจเป็นสถานที่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการรื้อฟื้นประเพณีและฟื้นฟูสถานที่รอบด้าน “กะดีจีน” จึงเหมือนเกิดใหม่กลายเป็นย่านท่องเที่ยวน้องใหม่ของกรุงเทพฯ
ต่อให้ประแป้งแต่งตัวขนาดไหนถ้าไม่ดีจริงก็คงไม่น่ามอง ทันทีที่เท้าเหยียบจุดสตาร์ทของทัวร์เดินเท้าที่สำนักงานเทศกิจซึ่งเคยเป็นศาลากลางจังหวัดธนบุรีเดิม เราก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของเมืองธนบุรีแต่เก่าก่อนว่าคงไม่แพ้ฝั่งพระนครตรงข้ามกัน ใกล้ๆ สำนักงานเทศกิจเป็น วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร ซึ่งมีพระบรมธาตุเจดีย์ที่ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น จากนั้นมุ่งหน้าเดินเลียบแม่น้ำไปทางซ้าย มองเห็น โบสถ์ซางตาครู้ส ขนาดใหญ่ ต้องขอเข้าไปดูลักษณะสถาปัตยกรรมแบบนีโอโรมันเนสก์ตามไกด์บุ๊ค เราเลยพบว่าชือของโบสถ์นั้นแปลว่า มหากางเขนศักดิ์สิทธิ์ ด้านในประดิษฐานชิ้นส่วนไม้กางเขนจริงเสียด้วย แถวนี้นี่เองที่มีบ้านขายขนมฝรั่งกุฎีจีนหลงเหลืออยู่เพียง 3 บ้าน ไม่ทันได้ชิมเพราะตะวันพลบค่ำเสียแล้ว
แว่วหูได้ยินเสียงเพลงเถียนมีมี่ พาสองเท้าเดินต่อไปยัง ศาลเจ้าเกียงอันเกง ที่แทรกตัวอยู่กับชุมชนวัดกัลยาณ์อย่างสงบ ศาลเจ้าไม้แกะสลักอย่างวิจิตรตามความเชื่อแบบพุทธมหายาน รวมถึงองค์พระแม่กวนอิมไม้ปิดทองทั้งองค์เป็นฝีมือของชาวจีนฮกเกี้ยนที่อพยพมาตั้งรกรากนานกว่า 150 ปี ศาลเจ้าสีแดงเก่าแต่แข็งแรงทำให้เราเริ่มเข้าใจความหมายของการอนุรักษ์และฟื้นฟู
ระหว่างเส้นทางสู่วัดกัลยาณมิตรและมัสยิดบางหลวง เราประทับใจกับรอยยิ้มของเจ้าบ้านในชุมชนที่คอยอำนวยความสะดวกแขกแปลกหน้า สมกับชื่อกัลยาณมิตรหรือความเป็นเพื่อนใจดี สำหรับใครที่เคยทัวร์ไหว้พระเก้าวัดคงคุ้นเคยกับ วัดกัลยาณมิตร และหลวงพ่อโต (ซำปอกง) ซึ่งสร้างตามต้นแบบหลวงพ่อโตแห่งวัดพนัญเชิง จ.อยุธยา แต่ที่แปลกใหม่สำหรับชาวพุทธคือการเดินเที่ยว มัสยิดบางหลวง และชุมชนกะดีขาวใกล้ๆ กัน มัสยิดแห่งนี้สร้างแบบไทยประยุกต์ ตัวอาคารมีกลิ่นอายศิลปะแบบจีน ยุโรป และไทย เช่นเดียวกับคนในชุมชนกะดีจีนที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขทั้งชาวพุทธและอิสลาม
ทัวร์ทัศนศึกษาเดินเท้าย่านกะดีจีนจบลงด้วยความสุขอันเกิดจากการเรียนรู้ในความแตกต่าง การยอมรับซึ่งกันและกันและร่วมมือกันพัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิด ทำให้ย่านกะดีจีนกลายเป็นหนึ่งในของดีที่ต้องไปเยี่ยมเยือน