เริ่มกันที่อันดับแรก คือ ต้องกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากริมฝีปาก แล้วซับให้แห้งปราศจากน้ำมันส่วนเกิน จะลงแป้งฝุ่นหรือใช้รองพื้นทาที่ริมฝีปากเป็นเบสก่อนก็ได้ เป็นการเตรียมพร้อมก่อนลงสี แต่เราก็มีข้อควรระวังที่อยากให้สาว ๆ ทำตามสักนิด เพื่อสุขภาพริมฝีปากที่ดีดังนี้ค่ะ
หากริมฝีปากแตกเป็นขุยนอกจากลิปสติกจะไม่ติดทนนานแล้วยังทำให้สีปากไม่เรียบสม่ำเสมอกันด้วย วิธีกำจัดขุยแห้งบนริมฝีปาก ทำได้โดยใช้แปรงสีฟันจุ่มน้ำแล้วแปรงเบา ๆ บนริมฝีปาก จากนั้นใช้ Lip Oil ทาตามลงไปเพื่อบำรุงและเก็บกักความชุ่มชื้น ป้องกันการแตกเป็นขุยได้เป็นอย่างดี นอกจากจะทำให้สีลิปสติกเรียบเนียนสม่ำเสมอติดแน่นทนนานแล้วยังได้ริมฝีปากที่นุ่ม อวบอิ่ม ดูสุขภาพดีอีกด้้วย
อยากให้สีลิปสติกติดทนควรลงรองพื้นริมฝีปากก่อนจากนั้นค่อยเขียนขอบปากเพื่อเน้นให้รูปปากและสีลิปสติกดูโดดเด่นยิ่งขึ้น จากนั้นค่อยลงสีที่ต้องการตามลงไปเทคนิกนี้ใช้ได้ทั้งลิปสติกแบบแท่งและเนื้อครีม หากอยากได้สีที่ติดทนนานควรเลือกลิปติกเนื้อแมทเพราะมีเนื้อสีแน่นกว่า หากอยากให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มฉ่ำน้ำค่อยทาทับด้วยลิปกลอสเพื่อความแวววาว แต่ที่สำคัญที่สุดไม่ว่าจะใช้เนื้อลิปสติกชนิดไหนก็ตามต้องลงสีที่ต้องการลงไปก่อนแล้วจึงใช้ลิปกลอสทาทับบาง ๆ เป็นขั้นตอนสุดท้าย อย่าเผลอลงลิปกลอสก่อนนะจ๊ะสาว ๆ
แม้ขั้นตอนการลงสีลิปจะสำคัญและคุณบรรจงทาอย่างตั้งอกตั้งใจขนาดไหนแต่หากเผลอ ดื่ม หรือกินอย่างไม่มีสติก็ทำให้สีลิปสติกหายได้เหมือนกัน ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ริมฝีปากทั้งบนและล่างสัมผัสแก้วพร้อมกันและอย่ากินอาหารด้วยริมฝีปาก ควรใช้ช้อนตักอาหารเข้าไปในปากและใช้ฟันเคี้ยวระวัง อย่าให้ริมฝีปากสัมผัสอาหาร หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำจากแก้ว ให้ใช้หลอดแทนทุกครั้งที่ทำได้ หลังรับประทานอาหารอย่าเผลอเช็ดปากแรงเพราะสีลิปสติกจะหลุดออกไปด้วย
เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นทางที่ดีควรพกลิปสติกติดตัวไว้เสมอเพื่อคงดีกรีความสวยแซ่บให้สูงปรี๊ดปรอทแตกได้ยาวนานตลอดทั้งวัน