Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เด็กเล็กก็เป็นไส้ติ่งอักเสบได้

Posted By Plook Parenting | 16 ก.พ. 60
4,006 Views

  Favorite

ไส้ติ่งอักเสบเป็นอีกหนึ่งสาเหตุในช่องท้องที่ทำให้ผู้ป่วยต้องรับการผ่าตัดฉุกเฉินที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งเกิดจากการมีเศษอาหารหรือเศษอุจจาระที่มีลักษณะเป็นก้อนแข็งตกลงไปในโพรงไส้ติ่งจนอุดตัน หรือมีต่อมน้ำเหลืองที่โคนไส้ติ่งโตขึ้นจนโพรงไส้ติ่งอุดตัน ทำให้เกิดอาการอักเสบขึ้น

 

ไส้ติ่งที่อักเสบนี้จะมีลักษณะบวมแดงและมีขนาดใหญ่ขึ้น ถ้าทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษาก็อาจจะเกิดการเน่าและแตกทะลุ ทำให้มีหนองแพร่กระจายในช่องท้อง หรือที่เรียกว่า “ไส้ติ่งแตก” ซึ่งเมื่อไส้ติ่งแตกอาจเกิดการติดเชื้อและแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

อาการไส้ติ่งอักเสบนั้นสามารถเกิดกับเด็กได้เช่นกัน โดยพบว่าในเด็กนั้นมีโอกาสไส้ติ่งแตกได้ง่ายและเร็วกว่าผู้ใหญ่ เพราะมีผนังไส้ติ่งที่บางกว่า ซึ่งพบว่าเป็นโรคที่เด็กต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉินมากเป็นอันดับแรกเลยทีเดียว โดยอายุที่พบว่าเป็นมีตั้งแต่ในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ซึ่งพบได้น้อยมาก ไปจนถึงเด็กในวัยเรียนอายุ 12 – 18 ปี

 

ภาพ ShutterStock

 

อาการ

1. เริ่มแรกเด็กมักมีอาการปวดท้อง โดยจะเริ่มจากปวดตรงกลางท้องแถวรอบสะดือ ก่อนจะย้ายตำแหน่งมาปวดที่บริเวณด้านขวาล่างของช่องท้อง

2. มีอาการปวดท้องตลอดเวลา หรืออาจมีอาการปวดมากเป็นพัก ๆ โดยไม่มีช่วงที่หายปวด ซึ่งอาการปวดจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

3. มีอาการปวดท้องมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น พลิกตัว หรือเดิน ซึ่งเด็กอาจใช้วิธีเดินงอตัวเพื่อให้เจ็บน้อยลง

4. มีอาการเบื่ออาหาร ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน หรือถ่ายเหลวร่วมด้วย

5. ในระยะแรกอาจมีไข้ต่ำ ๆ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะมีไข้สูงมากขึ้น และถ้าไส้ติ่งเกิดการแตกทะลุ ก็จะมีอาการปวดลุกลามไปยังในตำแหน่งอื่น ๆ ของช่องท้องด้วย

 

การวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบในเด็กนั้นค่อนข้างยากกว่าในผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในเด็กที่ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจ หรือเด็กที่อ้วนมีผนังหน้าท้องหนาก็จะยิ่งตรวจได้ยากกว่าปกติ และในรายที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบหรือไม่ แพทย์อาจให้ดูอาการต่อที่บ้าน หรือรับไว้ในโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการ แต่สิ่งที่ควรระวังคือระหว่างดูอาการ ห้ามให้ยาแก้อักเสบ หรือยาแก้ปวดใด ๆ เพราะจะปิดบังอาการไม่ให้แสดงออกมาให้เราเห็น อาจทำให้เกิดการวินิจฉัยล่าช้าหรือผิดพลาดได้

 

สำหรับการรักษาไส้ติ่งอักเสบนั้น ทำได้อย่างเดียวคือการผ่าตัด โดยอาจจะเป็นการผ่าตัดแบบเปิดช่องท้อง หรือการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของโรงพยาบาล และความชำนาญของศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัด โดยผลของการรักษาไม่แตกต่างกัน จะต่างกันตรงที่การผ่าตัดแบบส่องกล้องจะเจ็บน้อยกว่า มีแผลน้อยกว่าและกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เร็วกว่าเล็กน้อย แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงมากกว่าการผ่าตัดแบบเปิดช่องท้อง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกวิธีการรักษาได้ทั้งสองแบบตามความเหมาะสม

 

แม้โรคไส้ติ่งอักเสบดูเหมือนไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่หากเกิดความล่าช้าในการวินิจฉัยโรคหรือทำการรักษาช้าเกินไปจนไส้ติ่งเน่าและแตก ทำให้เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เด็กเสียชีวิตได้ ดังนั้นถ้าลูกมีอาการปวดท้องแม้ว่าอาการจะยังไม่ชัดเจนมาก คุณพ่อคุณแม่ก็ควรจะนำลูกไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อจะได้รักษาได้ทันท่วงที

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plook Parenting
  • 8 Followers
  • Follow