ซึ่งปัญหาลักษณะนี้มักพบในครอบครัวที่มีฐานะดี ที่พ่อแม่มีความพร้อมในการสนับสนุนให้ลูกทุกด้าน ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกรู้จักพึ่งพาตัวเองได้ จึงควรส่งเสริมให้ลูกได้รู้จักช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่ยังเล็กเพื่อให้เขาสามารถดำรงชีวิตด้วยตัวเองต่อไปได้ในวันที่ไม่มีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง
โดยเริ่มจากเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น เก็บของเล่นเข้าที่เมื่อเล่นเสร็จ ถอดเสื้อผ้าที่ใส่แล้วลงตะกร้า เดินเอาจานไปเก็บเมื่อกินเสร็จ โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยส่งเสริมและดูแลใกล้ ๆ เมื่อลูกทำได้ก็ควรชื่นชม เพื่อเป็นแรงเสริมให้เด็กอยากช่วยเหลือตัวเองต่อไป
เพื่อฝึกความรับผิดชอบ เช่น ในเด็กเล็กวัย 1- 3 ขวบ ที่เริ่มเข้าใจคำสั่งง่าย ๆ คุณพ่อคุณแม่อาจสอนให้เขาถือผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ใช้แล้วไปทิ้งขยะทุกครั้ง เมื่อลูกได้รับคำสั่งซ้ำ ๆ เดิม ๆ ก็จะเกิดความคุ้นชิน ทำให้ครั้งต่อ ๆ ไป เมื่อถอดผ้าอ้อมสำเร็จรูปออก ลูกก็จะถือไปทิ้งขยะเองโดยไม่ต้องมีใครบอก และเมื่อโตขึ้นก็อาจจะมอบหมายให้ทำอย่างอื่นที่ยากขึ้นต่อไป การที่เด็กได้รับการส่งเสริมให้พัฒนาตามธรรมชาติและวัยของเด็กจะเป็นแรงกระตุ้นที่ดี ทำให้เขาเกิดความมั่นใจต่อตนเอง มีความรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า และมีกำลังใจในการทำตนเองให้มีประโยชน์ต่อไป
โดยให้ลูกทำงานทีละอย่างด้วยความตั้งใจ และคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูแลลูกอย่างใกล้ชิดพร้อมให้คำแนะนำ ที่สำคัญไม่ควรสั่งงานอื่นแทรก เพราะจะทำให้เด็กเกิดความสับสนและจัดลำดับความสำคัญของงานไม่เป็น
โดยเฉพาะเด็กในวัย 2 – 6 ขวบ ที่เริ่มอยากเรียนรู้ สำรวจ และทดลองทำอะไรด้วยตนเอง หากลูกขอช่วยล้างจาน ขอช่วยทำสิ่งต่าง ๆ คุณพ่อคุณแม่ก็ควรให้เขาได้ลองทำเพื่อให้ลูกได้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง มีความมั่นใจในตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่ความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่เป็นการพึ่งพาตนเองได้
เช่น “แค่นี้เองทำไมทำไม่ได้” หรือ “คนอื่นยังทำได้เลย” เพราะจะยิ่งทำให้ลูกรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ควรมีการเสริมแรงด้วยคำพูดในเชิงบวก เช่น “ลูกต้องทำได้แน่ ๆ คนเก่ง” จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เด็กเป็นอย่างดี