Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เลี้ยงอย่างไรให้ลูกเป็นเด็กอารมณ์ดี

Posted By Plook Parenting | 23 ม.ค. 60
7,175 Views

  Favorite

การเลี้ยงลูกของพ่อแม่โดยทั่วไปมักจะคาดหวังให้ลูกเป็นคนเก่ง คนดี และมีพัฒนาการที่ดีครบด้าน ส่วนใหญ่จึงเน้นให้เด็กได้เรียนรู้ด้านวิชาการ หรือเข้าสถาบันต่าง ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพให้ลูก

 

แต่แท้จริงแล้วพื้นฐานในการมีพัฒนาการที่ดีเริ่มจากการมีอารมณ์ที่ดี เพราะการที่เด็กมีอารมณ์ดีจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ในขณะที่เด็กที่มีอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดง่าย ขี้โมโห วิตกกังวล หรือกลัวจะไม่สามารถเรียนรู้และใช้ความฉลาดที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่

 

ดังนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่หากอยากให้ลูกเรียนรู้ได้ดี ควรให้ความสำคัญและส่งเสริมให้ลูกมีพื้นฐานทางอารมณ์ที่ดีควบคู่ไปกับการเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ เพื่อให้เขาเติบโตอย่างมีความสุขและปรับตัวเข้ากับสังคมได้เป็นอย่างดีในอนาคต

 

 
ภาพ Shutterstock

 

วิธีการ

1. อารมณ์ดีเริ่มต้นที่คนเลี้ยง

หากอยากให้ลูกมีอารมณ์ดี เป็นเด็กร่าเริง ก็ต้องมีต้นแบบที่ดีเพราะเด็กจะซึบซับพฤติกรรมต่าง ๆ จากผู้เลี้ยงดู ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายาย หรือแม้แต่พี่เลี้ยงเด็ก ก็มีผลต่อพื้นฐานทางอารมณ์ของเด็กทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าอยากให้ลูกอารมณ์ดีคนเลี้ยงต้องไม่เครียด ไม่แสดงอารมณ์หงุดหงิด หรืออารมณ์เกรี้ยวกราดให้ลูกเห็น

2.  อย่าปล่อยให้ลูกหิว

"ความหิว" เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กอารมณ์เสีย แม้แต่ผู้ใหญ่เองเวลาหิวก็อาจมีอารมณ์หงุดหงิดได้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาอาหารของลูกไม่ควรปล่อยให้ลูกหิวหรือรอนานจนเกินไป ควรหาของว่างที่มีประโยชน์หรือนมให้ลูกกินระหว่างมื้อ เพราะการปล่อยให้ลูกหิวบ่อย ๆ จะทำให้เขาเป็นเด็กขี้หงุดหงิดเจ้าอารมณ์ได้

 

3. ชวนลูกเล่นบ้าง

คุณพ่อคุณแม่ควรหาเวลาเล่นกับลูกบ้าง เช่น นั่งเล่นของเล่นต่าง ๆ ไปพร้อมกับลูก เล่านิทานให้ลูกฟัง หรือจะเปิดเพลงแล้วชวนลูกร้องเพลงไปพร้อม ๆ กัน การได้เล่นสนุกพร้อมเสียงหัวเราะทำให้ลูกมีอารมณ์ดี ร่าเริง และการที่มีพ่อแม่มาเล่นด้วยจะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น เพราะ “พ่อแม่คือของเล่นที่ดีที่สุดของลูก”

4. พาลูกไปเจอโลกกว้าง

คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ไปเที่ยว หรือไปเล่นนอกบ้านบ้าง เพราะการพาลูกออกไปเจอสังคม ไปเจอสิ่งแวดล้อมที่แปลกตา จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้เขาได้เรียนรู้ และตื่นตาตื่นใจกับสิ่งใหม่ ๆ ช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใส่ขึ้นได้

5. อย่าแหย่หรือยั่วให้ลูกโมโหบ่อย ๆ

ผู้ใหญ่รอบตัวเด็กหลาย ๆ คนบางครั้งชอบแหย่หรือแกล้งเด็กให้หงุดหงิด ร้องไห้ เพราะคิดว่าไม่เป็นอะไร แค่หยอกเด็กเล่นสนุก ๆ แต่สำหรับเด็กยังไม่เข้าใจว่านี่คือวิธีการเล่นแบบหนึ่ง อาจส่งผลเสียกับความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ จนอาจจะกลายเป็นเด็กขี้หงุดหงิดได้

6. ให้ลูกนอนเต็มอิ่ม

เวลาลูกพักผ่อนไม่เพียงพอจะมีอาการหงุดหงิดได้ง่าย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรพาลูกเข้านอนในเวลาที่เหมาะสม ไม่ดึกเกินไปและควรเข้านอนในเวลาเดิมเพื่อให้ลูกคุ้นเคย และปล่อยให้ลูกนอนหลับอย่างเต็มอิ่มโดยไม่มีอะไรมารบกวน การที่เด็กได้พักผ่อนเต็มที่ก็จะมีอารมณ์แจ่มใสและสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่

 

พื้นฐานทางอารมณ์ของคุณแม่ตอนตั้งครรภ์ก็มีผลต่ออารมณ์ของลูกเช่นกัน เพราะลูกจะรับอารมณ์ของคุณแม่ได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง ดังนั้นหากอยากให้ลูกเป็นเด็กอารมณ์ดี มีพัฒนาการที่ดี เลี้ยงง่าย ไม่งอแง คุณแม่ก็ต้องเริ่มปรับอารมณ์ตัวเองตั้งแต่ตั้งครรภ์ โดยการคิดบวก ไม่หงุดหงิด ไม่โมโห ลูกจะได้รับเอาแต่อารมณ์ดี ๆ ของคุณแม่ไป

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Parenting
  • 8 Followers
  • Follow