หากลูกยังเล็กมากและทำพฤติกรรมเหล่านี้ ลูกอาจจะกำลังทดลองสำรวจว่าสิ่งรอบตัว ให้สัมผัสกับอวัยวะของร่างกาย เป็นวิธีการเรียนรู้อย่างหนึ่ง บางคนก็ทำเพราะเห็นเป็นการเล่นสนุก ซึ่งเด็ก ๆ อาจมีพฤติกรรมดังกล่าวสักพักหนึ่งแล้วก็จะเลิกทำไปเอง แต่ถ้าหากเกิดพฤติกรรมดังกล่าวในเด็กตั้งแต่ วัย 3 ขวบขึ้นไป อาจเป็นผลมาจากการรับความรู้สึกในระบบต่าง ๆ ของประสาทสัมผัสทั้ง 7 หรือ 7 Senses ไม่สมดุล คือ มีมากหรือน้อยเกินไปจนทำให้เด็กแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจมีสาเหตุดังนี้
คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าถึงสาเหตุของการเกิดพฤติกรรมก่อน แล้วพยายามปรับพฤติกรรมของลูก เพราะการทำร้ายร่างกายตัวเองนอกจากจะทำให้เด็กบาดเจ็บแล้ว พฤติกรรมการทำร้ายตนเองอาจจะมีเพิ่มขึ้นและรุนแรงขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตเมื่อโตขึ้นได้
พร้อมกับตักเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพื่อให้ลูกเข้าใจ “ทำอย่างนั้นไม่ได้นะลูก” ถ้าลูกไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ให้ล็อคเขาไว้โดยการกอดเบา ๆ ไม่ให้เขาทำร้ายตัวเองได้จนกว่าจะสงบลง หรืออาจให้เขาไปนั่งสงบสติอารมณ์คนเดียวสักพัก
คุณพ่อคุณแม่ควรใช้ความอ่อนโยนกับลูกให้มาก ๆ เมื่อลูกทำร้ายตัวเอง การดุด่าหรือลงโทษให้ลูกหวาดกลัว จะยิ่งไปส่งเสริมการแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวให้เด็กมากขึ้น
ตัวอย่างจากในโทรทัศน์ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความก้าวร้าวและการใช้ความรุนแรง คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกรายการให้เหมาะสมกับลูกเพื่อเป็นการป้องกันอีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน
หากลูกชอบตีตัวเองเวลาทำผิด คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจเรื่องทำผิดกับการทำโทษใหม่ โดยอธิบายให้ลูกเข้าใจว่า ”ทุกคนสารถทำผิดพลาดได้” ซึ่งไม่จำเป็นต้องถูกลงโทษด้วยความรุนแรงเสมอไป เน้นย้ำไม่ให้ลูกทำร้ายตัวเอง โดยบอกลูกด้วยน้ำเสียงและท่าทีเอาจริงว่า “ไม่ว่าลูกจะทำอะไรผิด พ่อแม่ไม่อนุญาตให้ลูกทำร้ายตัวเองเด็ดขาด”
หากลูกไม่เคยมีพฤติกรรมทำร้ายตัวเองมาก่อน แต่กลับมีพฤติกรรมทำร้ายตัวเองขึ้นมา ถือเป็นสิ่งผิดปกติ คุณพ่อคุณแม่ต้องรีบตรวจสอบถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ด้วยการสอบถามพูดคุยกับลูก โดยไม่กดดันและไม่ทำให้ลูกเครียดจนเกินไป เพราะบางครั้งเหตุการณ์ที่ลูกพบเจอมาอาจเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัด ควรพาลูกไปพบจิตแพทย์ รวมทั้งนักกิจกรรมบำบัด เพื่อทำการประเมิน หาสาเหตุ รวมทั้งให้คำแนะนำในการจัดการพฤติกรรมดังกล่าวที่เหมาะสมต่อไป
หากคุณพ่อคุณแม่ทำทุกวิธีแล้ว แต่พฤติกรรมทำร้ายตัวเองของลูกรุนแรงมากขึ้น ควรจะปรึกษาจิตแพทย์เด็ก เพราะลูกอาจมีภาวะออติสติก หรือเป็นโรคทางระบบประสาทได้ หากไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายได้มากขึ้น