ก่อนจะบอกว่าหิมะกินได้ไหม เรามาดูก่อนว่าหิมะเกิดจากอะไร โดยหิมะเกิดจากไอน้ำหรือหยดน้ำที่อยู่ในชั้นเมฆซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ -40 องศาเซลเซียส แต่ไม่จับตัวเป็นน้ำแข็ง ปรากฎการณ์นี้เรียกว่าน้ำเย็นยิ่วยวด และเมื่อไอน้ำหรือหยดน้ำเหล่านี้กระทบกับอนุภาคเล็ก ๆ ในอากาศ เช่น ฝุ่นหรือควัน มันจะระเหินเป็นผลึกน้ำแข็ง เมื่อผลึกน้ำแข็งเหล่านี้มาชนและรวมตัวกันก็จะกลายเป็นเกล็ดหิมะตกลงมา โดยอุณหภูมิตั้งแต่ใต้ฐานเมฆถึงพื้นดินจะต้องต่ำกว่า 0 องศา เกล็ดหิมะถึงจะคงสภาพไว้ได้ แต่อุณหภูมิสูงกว่านั้นมันก็จะกลายเป็นน้ำฝนแทน
ในเมื่อหิมะเกิดจากการแข็งตัวของน้ำในอากาศ แบบนี้มันก็น่าจะกินได้สิ คำตอบก็คือทั้ง ได้และไม่ได้ ครับ อย่างที่บอกว่าการจะเกิดหิมะได้น้ำต้องกระทบกับอนุภาคในอากาศก่อน ฉะนั้นหิมะที่ตกในเมืองใหญ่จึงมีโอกาสสูงมากที่จะปนเปื้อนมลพิษ (แบบเดียวกับที่คงไม่มีคนกรุงเทพฯ คนไหนกล้าดื่มน้ำฝนนั่นแหละครับ) ยิ่งหิมะที่ตกมาทับถมกันบนพื้นยิ่งไม่ควรกินเป็นอันขาด โดยเฉพาะหิมะที่มีสีอื่นแปลกปลอม เช่นสีเหลืองหรือน้ำตาล เพราะมันคงสิ่งสกปรกตามพื้นดินแล้วแน่นอน แต่ถ้าคุณอยากลองจริง ๆ ชนิดห้ามใจไม่อยู่ ลองจิ้มหิมะขาว ๆ ที่ค้างบนยอดไม้มาแตะลิ้นดูพอรู้รสก็คงไม่เป็นไร
สำหรับในชนบทที่อากาศค่อนข้างบริสุทธิ์ มีความไปได้ที่หิมะจะสะอาดพอกินได้บ้าง อย่างไรก็ตามคุณควรสังเกตก่อนว่าผู้คนละแวกนั้นทำการเกษตรไหม มีการใช้ยาฆ่าแมลงหรือเปล่า หิมะตกมานานแค่ไหน (หิมะที่ตกในช่วงหลัง ๆ จะมีโอกาสปนเปื้อนสารพิษน้อยกว่า) ถ้ามั่นใจว่ามันบริสุทธิ์พอจะลองโกยมากินสักกำมือหนึ่งก็ได่้
สัมผัสของหิมะอาจทำให้เรานึกถึงน้ำแข็งใส แต่การกินหิมะเข้าไปไม่ใช่เรื่องดี เพราะการจะเกิดหิมะได้แปลว่าเราต้องอยู่ในสถานที่เย็นจัดอยู่แล้ว ยิ่งโดนหิมะสัมผัสร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งมาก ๆ อาจทำให้เกิดอาการหิมะกัดได้ โดยอาการจะเริ่มจากมีรอยแดง รู้สึกเจ็บแปลบ จากนั้นผิวจะเริ่มซีด ชา ถ้าโดนกัดมาก ๆ ผิวจะกลายเป็นสีม่วง เป็นตุ่มพองเพราะมีเลือดคั่ง อาจถึงขั้นต้องตัดอวัยวะเลยก็ได้ แถมการกินหิมะยังทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เกิดภาวะตัวเย็นเกิน (hypothermia) ซึ่งอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว
สมมติถ้าคุณไปเที่ยวแล้วหลงอยู่กลางป่าหรือทุ่งหิมะ หาแหล่งน้ำไม่ได้ จำเป็นต้องกินหิมะแทนน้ำจริง ๆ คำแนะนำก็คือเลือกหิมะสีขาวบริสุทธิ์แล้วต้มก่อนดื่ม แต่ถ้าจะให้ดีอย่าพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเลยครับ