เป็นปัญหาที่ถามกันมานานหลายสิบปีว่า เดินหรือวิ่งฝ่าฝนแบบไหนจะเปียกน้อยกว่ากัน เพราะสามัญสำนึกของเราจะบอกว่ารีบวิ่งหาที่หลบฝนนั้นดีที่สุด แต่ก็มีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า ยิ่งวิ่งร่างกายจะยิ่งปะทะน้ำฝนมากขึ้น เราก็ยิ่งเปียกมากขึ้นด้วยน่ะสิ ไหนจะต้องคำนวณทิศทางลมกับความเร็วในการวิ่งอีก เช่น ถ้าลมพัดฝนมาจากด้านหน้าเราต้องวิ่งให้เร็วที่สุด แต่ถ้าลมพัดฝนมาจากด้านหลัง เราต้องวิ่งให้เร็วพอ ๆ กับความเร็วในแนวราบของฝน
ซึ่งในสถานการณ์จริงใครจะมาคำนวณเรื่องแบบนี้ได้ ถ้าเดินให้ร่างกายปะทะกับฝนน้อยที่สุดไม่ดีกว่าเหรอ
หลังจากถกเถียงกันมานาน นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ทำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อทดสอบว่าความเร็วและระยะทางในการเคลื่อนที่ของวัตถุกลางสายฝน มีผลต่อความเปียกหรือไม่ โดยทดสอบทั้งฝนแบบที่ตกลงมาตรง ๆ และฝนแบบมีลมพัด ทำให้ได้ข้อสรุปว่า "หากฝนตกไม่หนักและไม่มีลมพัด การวิ่งจะช่วยให้เปียกน้อยกว่าเดิน 16% หากฝนตกหนักและมีลมพัดแรง การวิ่งไปทิศทางเดียวกับลมและเอียงตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยจะช่วยให้เปียกน้อยลงถึง 44%"
Henry Reich นักฟิสิกส์ชาวสหรัฐฯ บอกว่า เราจะเปียกมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เราตากฝน ไม่ใช่ความเร็วในการเคลื่อนที่ หากระยะเวลาที่ตากฝนเท่ากัน ระยะทางที่ใช้เท่ากัน จะเคลื่อนที่ช้าหรือเร็วแค่ไหนก็เปียกเท่ากันอยู่ดี ลองฟังคำอธิบายของ Henry ได้ในคลิปนี้ครับ