เรื่องนี้ต้องย้อนไปถึงช่วงยุคกลางของยุโรป ซึ่งยังเป็นยุคที่ผู้คนเชื่อในเรื่องภูติผีปีศาจเป็นอย่างมาก คนในยุคนั้นเชื่อกันว่า แมวดำคือที่สถิตวิญญาณของแม่มด จึงเป็นตัวแทนของมนต์ดำ และซาตาน หญิงคนใดที่เลี้ยงแมวดำเอาไว้ และมีท่าทางลึกลับ มีความคิดแตกต่างจากคนอื่น ๆ ในสังคมก็มักจะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด และถูกล่าตัว จับไปลงโทษ ทรมานด้วยวิธีน่าสยดสยองต่าง ๆ นานา เช่น การจับเข้าเครื่องทรมานร่างกาย หรือเผาทั้งเป็นทั้งคนและแมว โดยการล่าแม่มดนั้น มีมาต่อเนื่องยาวนานนับร้อยปี จนกระทั่งค่อย ๆ ลดลงและหมดไปในที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น ในปัจจุบัน แมวดำก็เป็นสัญลักษณ์ที่เรามักคุ้นเคยในวันฮาโลวีนนั่นเอง
นอกจากความเชื่อเรื่องของแม่มดแล้ว ยังมีความเชื่อด้านลบที่เกี่ยวกับแมวดำแตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเทศ เช่น ชาวอิตาเลียนเชื่อว่าแมวดำจะนำความตายมาให้ผู้ป่วย หากมีแมวดำกระโดดขึ้นเตียงของคนป่วย หมายความว่าผู้นั้นจะต้องเสียชีวิตในไม่ช้า ชาวรัสเซียเชื่อว่า หากแมวดำเดินตัดหน้า ต้องรีบจับกระดุมเสื้อไว้ เพื่อแก้เคล็ดไม่ให้เกิดเรื่องร้ายแก่ตน ในประเทศไทย ก็มีความเชื่อว่า แมวดำเป็นสัญลักษณ์ของลางร้าย หากมีแมวดำวิ่งตัดหน้าเมื่อไร ต้องหยุดการเดินทาง มิเช่นนั้นจะเกิดหายนะ เป็นต้น
ความเชื่อเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่า มนุษย์เรามักเห็นพ้องต้องกันว่า แมวดำเป็นสิ่งลึกลับ น่ากลัว และเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคร้ายมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ใช่ว่า แมวดำจะมีความหมายด้านลบเพียงอย่างเดียวนะ ...
ในบางประเทศ เชื่อว่าแมวดำคือสิ่งที่ดีงาม และมีความหมายในด้านบวก เช่น ในประเทศอังกฤษ ชาวพื้นเมือง ชาวเลเชื่อกันว่า แมวดำจะช่วยให้ชาวประมงออกเรือได้อย่างปลอดภัย เหล่าภรรยาของชาวประมงจึงนิยมเลี้ยงแมวดำไว้ในบ้าน ชาวสก็อตแลนด์เชื่อว่า หากมีแมวดำเดินผ่านประตูทางเข้าของบ้านไหน เจ้าของบ้านนั้นก็จะพบแต่ความมั่งมี ร่ำรวย แม้แต่ในเมืองไทยก็เชื่อว่า แมวโกญจน หรือที่เรียกอีกอย่างว่าแมวบอมเบย์ซึ่งมีสีดำทั้งตัวนั้น เป็นสัตว์ที่มีคุณแก่ผู้เลี้ยง ถือเป็นแมวมงคลชนิดหนึ่ง ที่ควรเลี้ยงเอาไว้ เป็นต้น