เรื่องเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2468 ในฤดูหนาวที่แสนเย็นยะเยือก
ในเวลานั้น ชาวเมืองโนม เมืองที่อยู่บริเวณเหนือสุดของสหรัฐกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะโรคคอตีบได้ระบาดไปทั่วทั้งเมือง วิธีเดียวที่จะรับมือกับภัยโรคระบาดนี้ได้ คือต้องใช้ยาต้านโรค
ท่ามกลางความยากลำบากและสิ้นหวัง วิธีการหนึ่งที่จะช่วยชีวิตชาวเมืองไว้ได้ก็คือ การบรรทุกยาใส่เลื่อน และให้สุนัขลากเลื่อนวิ่งลากยาเหล่านั้นผ่านเส้นทางอันทรหดไปส่งให้ชาวเมือง ภารกิจแสนหนักของเจ้าสุนัขไซบีเรียนจึงเริ่มต้นขึ้นในเวลานั้น...
จากบันทึกเล่าว่า มีสุนัขไซบีเรียนหลายตัวช่วยกันปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ แต่มีอยู่ 2 ตัวที่ได้รับการบันทึกจดจำไว้ในฐานะพระเอก ได้แก่ โตโก และ บัลโต
โตโก เป็นสุนัขไซบีเรียนจ่าฝูงร่างใหญ่ มันลากเลื่อนขนยาผ่านเส้นทางทรหดภายใต้อากาศหนาว -57 องศาเซลเซียสจนบังเหียนฉีกขาด แต่มันก็ยังใช้ฟันคาบดึงบังเหียนขึ้นมา จนทำให้สามารถเดินทางต่อไปได้จนถึงจุดหมาย
หลังจากนั้น มันก็ได้กลายเป็นพ่อพันธุ์ของไซบีเรียน สืบต่อเชื้อสายของมันจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้แม้ว่ามันได้ตายจากไปแล้ว สายเลือดของมันก็ยังมีอยู่ในร่างกายของไซบีเรียนอีกหลายตัวจนทุกวันนี้
ส่วนเจ้าบัลโตนั้น มีชื่อเสียงได้ เพราะมันเป็นสุนัขกลุ่มสุดท้าย ที่ได้รับส่งต่อเซรุ่มและนำไปส่งถึงชาวเมืองได้สำเร็จ ทำให้ชาวเมืองที่กำลังสิ้นหวังรอดชีวิต และพูดถึงมันไปทั่วทั้งเมือง บัลโตถูกนำไปปั้นเป็นรูปปั้น ตั้งอยู่ในเซ็นทรัล พาร์ค เมืองนิวยอร์คใน พ.ศ. 2468 เพื่อเป็นการระลึกถึงเจ้าหมาที่ช่วยชีวิตชาวเมืองเอาไว้ในเวลานั้นนั่นเอง