หลังจากพิธีทอดกฐินแล้ว พระสงฆ์จะนำผ้าขาวที่ญาติโยมนำมาทอดถวายนั้นไปทำการตัด เย็บ ย้อม เป็นผ้าไตรจีวรให้เสร็จภายในวันนั้นเลย เพื่อนำมาทำพิธีกรานกฐิน
คือ ภิกษุผู้ได้รับมอบผ้ากฐินนั้น นำผ้ากฐินไปทำเป็นไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่ง เย็บ ย้อม แห้ง เรียบร้อยดีแล้ว เคาะระฆัง ประชุมกันในโรงพระอุโบสถ ภิกษุผู้รับผ้ากฐิน ถอนผ้าเก่าอธิษฐานผ้าใหม่ที่ตนได้รับนั้นเข้าชุดเป็นไตรจีวร
เสร็จแล้ว ภิกษุรูปหนึ่ง ขึ้นสู่ธรรมาสน์แสดงพระธรรมเทศนา กล่าวคือเรื่องประวัติกฐินและอานิสงส์ครั้งแล้วภิกษุผู้รับผ้ากฐิน นั่งคุกเข่าตั้งนะโม 3 จบ แล้วเปล่งวาจาในท่ามกลางชุมนุมนั้น ตามลักษณะผ้าที่กราน
การทำผ้าจีวรในสมัยโบราณต้องใช้เวลาและความร่วมมือในการทำมาก
การที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตกฐินเพื่อให้คณะสงฆ์ทั้งหมดที่จำพรรษามาด้วยกันในอาวาสเดียวกันมาร่วมทำกิจกรรมเพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
เมื่อผสมรวมกันจนได้สีที่ถูกต้องแล้ว พระท่านจึงนำผ้าสบงลงไปย้อมทั้งผืน แล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท เมื่อแห้งแล้วท่านจะนำมาพับให้เรียบร้อยเพื่อนำมากรานกฐินในตอนเย็นวันนั้นเลย
การเลือกผ้ากฐินมาถวายนั้น ถ้าจะให้เหมาะสมและใช้งานได้จริง ควรเป็นผ้าขาวเนื้อ ผ้าฝ้าย เพราะเนื้อผ้าจะละเอียด แน่น เบา ไม่บางจนเกินไป จะได้อานิสงส์เต็ม ๆ ทั้งผู้ให้และผู้รับ)