"วิลเลียม เฮอร์เชล" (William Herchel) นักดาราศาสตร์สมัครเล่นชาวอังกฤษ เชื้อสายเยอรมัน ได้ค้นพบ "ดาวยูเรนัส" ดาวเคราะห์แก๊สที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 7 ของระบบสุริยะโดยบังเอิญ ในขณะที่เขากำลังส่องกล้องโทรทรรศน์เพื่อสำรวจดาวฤกษ์อยู่นั้น เฮอร์เชลได้มองเห็นดาวดวงหนึ่งคลื่นที่ผ่านไปอย่างช้า ๆ ในตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงดาวหาง แต่เมื่อเฝ้าติดตามสังเกตอยู่หลายสัปดาห์ เฮอร์เชลจึงได้คำนวณวงโคจรของวัตถุที่เขาค้นพบ และพบว่าวัตถุดังกล่าว คือดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ไกลจากวงโคจรของดาวเสาร์ออกไปถึง 2 เท่า ปริศนาจึงกระจ่างว่ามันเป็นดาวเคราะห์ดวงแรกที่ถูกค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์ต่างหาก เฮอร์เชลมีงานอดิเรกที่เขาหลงใหล คือการสร้างกล้องโทรทรรศน์ จึงทำให้เขามีความสามารถในการศึกษาและสังเกตดวงดาวได้เป็นอย่างดี การค้นพบดาวยูเรนัสก่อนใคร จึงทำให้เฮอร์เชลมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกนับแต่วันนั้นมา
แต่เดิมทีเฮอร์เชล ได้ตั้งชื่อดาวเคราะห์ที่เขาค้นพบว่า "เจอเจียม ไซดัส" (Georgium Sidus) ที่แปลว่าดาวเคราะห์แห่งจอร์จ (Georgian Planet) เพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ผู้ซึ่งคอยสนับสนุนเขา แต่นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมัน "โบด' (Johann Elert Bode) ได้เสนอให้เรียกดาวดวงนี้ว่า "ยูเรนัส" เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อของดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ในระบบสุริยะ ที่ถูกตั้งชื่อตามเทพเจ้ากรีกโรมันมาแต่เดิมที แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายจนกระทั่งปี 1850
เฮอร์เชลเป็นนักดนตรีอาชีพที่อพยพจากเมืองฮันโนเวอร์ (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนี) มาตั้งหลักแหล่งอยู่ในอังกฤษตั้งแต่อายุ 19 ปี กระทั่งในวัย 35 ปี ของนักดนตรีชาวเยอรมันผู้นี้ เขาได้เริ่มสนใจดวงดาวบนฟากฟ้าจึงได้ซื้อกล้องโทรทรรศน์ตัวเล็ก ๆ ตัวแรกมาส่องดูดาว และเริ่มหลงใหลในดาราศาสตร์นับแต่นั้นมา จึงเฝ้าศึกษาค้นคว้าจนกระทั่งสร้างกล้องโทรทัศน์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมขึ้นด้วยตนเอง เพื่อใช้สำรวจทุกสิ่งที่เขาพบในอวกาศอย่างเป็นระบบ
หลังจากที่เฮอร์เชลค้นพบดาวยูเรนัสเไปเมื่อปี 1781 แล้ว เขายังได้ค้นพบดวงจันทร์โอบีรอนและไททาเนียของดาวยูเรนัสอีกในปี 1787 และยังพบดวงจันทร์เอนเซลาดัสและไมมาสของดาวเสาร์ในปี 1789 ตามมา รวมถึงพบเนบิวลาชื่อเอสกีโมด้วย
และในปี1800 เขายังเป็นผู้ค้นพบคลื่นความร้อนซึ่งอยู่ในช่วงความยาวของคลื่นที่ตาของมนุษย์ไม่สามารถมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งแผ่ออกจากดวงอาทิตย์มายังโลก หรือ ที่เรียกว่า "คลื่นรังสีอินฟราเรด" นั่นเอง
"วิลเลียม เฮอร์เซล" ได้ชักชวนน้องสาวของตน "แคโรลีน เฮอร์เชล" ให้มาเป็นผู้ช่วยในการสำรวจดวงดาวต่าง ๆ กระทั่งตัวเธอเองได้ก้าวเข้าสู่วงการดาราศาสตร์อย่างเต็มตัว และกลายมาเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ค้นพบดาวหางถึง 8 ดวง นอกจากน้องสาวคนสนิทแล้ว เฮอร์เชลยังมีลูกชายผู้ซึ่งเดินตามรอยเท้าของเขา จนกลายมาเป็นนักดาราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงเช่นกัน ลูกชายคนนั้น คือ "จอห์น เฮอร์เชล"