ภาพ : ลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Shutterstock
นอกจากนี้ สารเซซามินในงายังมีฤทธิ์ต้าน การอักเสบ ลดการลุกลามของโรคร้าย ข้อเสื่อม สมองเสื่อม ปวดข้ออักเสบ กระดูกพรุน ตับอักเสบ ปอดอักเสบ มะเร็ง โรคติดเชื้อ H1N1 และอื่น ๆ มากมาย
งา มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum indicum L มีสารสำคัญที่เป็นที่รู้จักกันดี คือเซซามิน (sesamin)
จากการผลการวิจัยพบว่า สารเซซามินมีฤทธิ์ในการเพิ่มการกำจัดสารพิษ ต้านแบคทีเรียและยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยยับยั้งการดูดซึมของ คอลเลสเตอรอล ในตับ อีกทั้งไม่เกิดการสะสมในร่างกาย
" เมื่อเทียบงากับนมในปริมาณที่เท่ากัน งาจะมี แคลเซียม สูงกว่านมถึง 3 เท่าเลยทีเดียว และยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์อีกมากมาย "
งาดำมีประโยชน์และมีคุณค่าทางด้านโภชนาการสูงอย่างมาก เมล็ดงามีน้ำมัน ที่เรียกว่า น้ำมันงา ประมาณ 45 – 55 % เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายของคนเรามาก คือ มี กรดไขมันโอเมก้า – 6 และ โอเมก้า – 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องรับประทานเข้าไป กรดไขมันดังกล่าวนี้ปกติจะมีมากในปลาโดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก
ในน้ำมันงายังมี วิตามิน อี ซึ่งในทางการแพทย์กล่าวว่า วิตามิน อี เป็น สารแอนติออกซิแดนต์ ที่มีความสำคัญที่สุดในการป้องกันไม่ให้ไขมันในเซลล์และในผิวหนัง ทำปฏิกิริยากับ สารอนุมูลอิสระ (Free radicals) ซึ่งนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้ หรือเรียกได้ว่าเป็นสารต้านมะเร็ง และยังทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น มีความยืดหยุ่นตามธรรมชาติ
งาถือเป็นธัญพืชที่ใช้กันมากว่า 4,000 ปี คนจีนเชื่อว่า ใครได้ทานงาเปรียบประดุจดั่งการได้ครอบครองหยก เพราะงามีสรรพคุณหลายประการ และมีคุณค่าสูงมาก หากเลือกใช้งาในรูปของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่สกัดมาแล้วอย่างถูกต้อง น่าจะช่วยดูแลสุขภาพในองค์รวมได้ ทั้งเรื่องไขมัน ความดันโลหิตสูง อาการทางสมอง ซึ่งสารสกัดจากงาจะช่วยให้ร่างกายที่เสื่อมสภาพฟื้นฟูกลับมาได้
ภาพ : ลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Shutterstock
สารสกัดงาดำที่เรียกว่า เซซามิน (Sesamin) ซึ่งเป็นสารที่สำคัญมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น
1. ช่วยในการเผาผลาญ สลายไขมัน ลดความอ้วนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
2. ลดการดูดซึมและการสังเคราะห์คอเลสเตอรอล
3. ทำให้ระดับไขมันอยู่ในสัดส่วนปกติ
4. ช่วยการทำงานของ วิตามิน อี
5. ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในระบบประสาท
6. ลดปฏิกิริยาความเครียด
7. ต้านอนุมูลอิสระ เป็นสารแอนติออกซิแดนต์
8. ต้านการอักเสบ
ภาพ : ลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Shutterstock
ถือเป็นข่าวดีในวงการวิจัยและวงการแพทย์ของไทย และเป็นอีกหนึ่งความหวังของผู้ป่วย เมื่อนักวิจัยของภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้วิจัยและค้นพบว่าใน “งาดำ” มีสารเซซามิน ที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง และช่วยฟื้นฟูเซลล์สมองที่เสื่อมจากการเจ็บป่วย หรือ ได้รับการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุได้เป็นครั้งแรกของโลก
รศ. ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการศึกษาวิจัยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2553 กระทั่งล่าสุด การวิจัยค้นพบว่าในเมล็ดงาดำ มีสารเซซามิน อยู่ภายใน ซึ่งสารดังกล่าว สามารถที่จะช่วยในการยับยั้ง การพัฒนาเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์สลายกระดูก ที่ให้เกิดโรคข้อเสื่อม โรคกระดูกพรุน ได้ โดยจะเข้าไปทำให้แคลเซียมประสานกับกระดูกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีเส้นเลือดใหม่ที่เกิดขึ้นมา แล้วไปสร้างการหล่อเลี้ยงให้กับเซลล์มะเร็งจากนั้นก็จะแพร่กระจายไป แต่สารเซซามิน จะเข้าไปปกป้องเซลล์ พร้อมกับตัดวงจรหรือลดเส้นเลือดใหม่ที่เป็นน้ำเลี้ยงให้กับเซลล์มะเร็ง พร้อมกับค่อย ๆ ฟื้นฟูสภาพเซลล์ให้กลับคืนมา
รศ. ดร.ปรัชญา กล่าวว่า
งานวิจัยชิ้นนี้ถือประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะสามารถนำผลงานวิจัยที่เคยอยู่บนหิ้งมาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ มีการนำเม็ดงามาสกัดผลิตเป็นอาหารเสริมได้โดยไม่มีผลข้างเคียง และยังดีต่อสุขภาพ
โดยเฉพาะการค้นสารเซซามินที่อยู่ในเมล็ดงาดำ ที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งได้เป็นครั้งแรกของโลก ขณะนี้ได้มีการจดสิทธิบัตรไปแล้วทั้งหมด 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และอเมริกา และมีการตีพิมพ์วารสารในอเมริกาถึงเรื่องนี้ด้วย
ซึ่งสารสกัดจากงาดำ ไม่ใช่ตัวยาที่ทานเข้าไปแล้วจะรักษาให้หายทันทีเหมือนยารักษาโรค แต่เป็นอาหารเสริมที่เข้าไปฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาเหมือนกับปกติได้ อีกทั้งงาดำ ก็ยังถือเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่าย เป็นผลผลิตของไทย และเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับงาดำของไทยได้ในอนาคตอีกด้วย
แต่งาไม่ใช่ยาวิเศษ จึงไม่ควรรับประทานมากเกินไป เช่นการทานงามากกว่าวันละ 4 ช้อนโต๊ะ อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
เนื้อหาเรียบเรียงจากที่มา :
http://www.dowinca.com/ImmuraSesameal.html
เอ็มไทยดอทคอม
เดลินิวส์ออนไลน์