1. ปลาที่มีกรดไขมันจำเป็นสูง
ปลาจำพวกแซลมอน แมคเคอเรล เฮอร์ริ่ง และซาร์ดีน อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมกา 3 ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาและคงสภาพของเยื่อสมอง และยังมีกรดอะมิโนไทโรซีน (Tyrosine) ที่ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์สารสื่อประสาทในสมอง ทำให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีสมาธิและความจำดี
2. บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่ช่วยปกป้องสมองจากความเครียด นอกจากนี้สารฟลาโวนอยด์ที่พบในบลูเบอร์รี่ยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มการเชื่อมโยงเซลล์ประสาท เพิ่มหน่วยความจำ และพัฒนากระบวนการเรียนรู้และนึกคิดทั้งหมด (เหตุผล การตัดสินใจ ภาษา และจำนวน) ถ้าไม่ชอบบลูเบอร์รี่ก็เลือกแบล็กเบอร์รี่หรือโกจิเบอร์รี่แทนได้ แนะนำให้รับประทานสดหรือแช่แข็งอย่างน้อยวันละ 1 ถ้วย
3. เมล็ดฟักทอง
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติที่รู้สึกว่าตัวเองต้องการโอเมก้า 3 แต่รับประทานเนื้อสัตว์ไม่ได้ มันช่วยคงสภาพสมองส่วนที่ใช้รวบรวมข้อมูลจากภายนอกและภายในร่างกาย นอกจากจะมีโอเมก้า 3 แล้ว เจ้าเมล็ดฟักทองยังมีซิงค์หรือธาตุสังกะสีที่มีคุณประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยรักษาสิว สร้างโปรตีนและคอลลาเจน ป้องกันผมหลุดร่วงอีกด้วย
4. อะโวคาโด
คนมักจะเข้าใจผิดว่าผลไม้ชนิดนี้มีไขมันสูง รับประทานแล้วอ้วน แต่ความจริงแล้วกรดไขมันในอะโวคาโด ร้อยละ70 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิด monounsaturater fatty acid ซึ่งเป็นไขมันดี ก่อให้เกิดการไหลเวียนของเลือดอย่างเป็นระบบไปสู่สมองและอาจช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงหรือโรคหลอดเลือดในสมอง ที่อาจสร้างความเสียหายอย่างถาวรต่อเนื้อเยื่อสมอง และช่วยเพิ่มสมาธิระหว่างวัน
5. ดาร์คช็อคโกแลต
สารฟลาโวนอยด์ในช็อคโกแลตช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบหลอดเลือด ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบรู้คิดและความจำของสมอง ไม่เพียงแค่นั้นการรับประทานช็อคโกแลตเป็นประจำยังทำให้อารมณ์ดี บรรเทาอาการเจ็บปวด และเต็มไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
6. ไข่ไก่
นอกจากไข่ไก่จะเป็นส่วนผสมที่นำไปประกอบอาหารก็ดี รับประทานเดี่ยว ๆ ก็อร่อย รู้หรือไม่ว่าไข่ไก่ทั้งฟองมีปริมาณโปรตีน และโคลีนจำนวนมาก มีกรดอะมิโนจำเป็นทุกชนิด ตลอดจนวิตามินและเกลือแร่อีกหลายชนิด รวมทั้งเรตินอล (วิตามินเอ), ไรโบฟลาวิน (วิตามินบี2), กรดโฟลิก (วิตามินบี9), วิตามินบี 6, วิตามินบี12, เหล็ก, แคลเซียม, ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ไข่ถือเป็นหนึ่งในอาหารไม่กี่ชนิดในธรรมชาติที่มีวิตามินดี นับว่ามีประโยชน์มหาศาล เมื่อบริโภคไข่เข้าไปสมองจะใช้โคลีนในการสร้างสารสื่อประสาท ที่อาจมีส่วนสำคัญในการรักษาหน่วยความจำและการสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบอสตันได้ติดตามนิสัยการรับประทานของผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีจำนวน 1400 คนตลอดระยะเวลา 10 ปี พบว่าปริมาณโคลีนมีความสัมพันธ์กับผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในการทดสอบหน่วยความจำบางประเภท
7. ชาเขียว
สาร Catechin Polyphenol ช่วยกระตุ้นระดับโดฟามีน เพื่อเพิ่มหน่วยความจำและสมาธิ นอกจากนี้ในชาเขียวยังมี EGCG ซึ่งเป็นสารต้านพิษและยังช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อส่วนดี ช่วยลดระดับ LDL คลอเรสเตอรอล และยับยั้งการก่อตัวแบบผิดปกติของก้อนเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการหัวใจวายและลมชัก (แนะนำเป็นชาเขียวแบบชง จะได้ประโยชน์กว่าที่เป็นขวดตามท้องตลาด)
8. บล็อคโคลี่
บล็อคโคลี่จัดว่าเป็นสุดยอดอาหารสำหรับร่างกายทุกส่วน เนื่องจากอุดมไปด้วยแคลเซียม วิตามิน B วิตามินC เบต้าเคโรทีน ธาตุเหล็ก ไฟเบอร์ และวิตามิน K ซึ่งมีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะเข้าไปทำลายเซลล์และทำลาย DNA ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานดี และกำจัดธาตุโลหะหนักที่ส่งผลเสียต่อสมอง
9. มินต์
มินต์อุดมไปด้วยวิตามิน A ที่ช่วยส่งเสริมทักษะการเรียนรู้และเพิ่มระดับสติปัญญา และวิตามิน C ที่ป้องการการลดลงของกระบวนการรับรู้ มีการศึกษาที่น่าสนใจออกมาว่า กลิ่นมินต์มีผลกระทบต่อการทำงานของสมอง กลิ่นหอมของมินต์ช่วยเพิ่มความตื่นตัวและหน่วยความจำ นอกจากนี้ในการทดสอบความสามารถทั่วไป อย่างพิมพ์ดีดและการท่องจำ แค่เพียงได้กลิ่นมินต์ก็ทำให้ผลงานออกมาดีกว่าปกติ
10. อบเชย
อบเชยมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยเพิ่มการทำงานโดยรวมของสมอง และปล่อยโปรตีนชนิดพิเศษที่มีช่วยในการบำรุงสมอง สามารถช่วยให้สมองสร้างเซลล์ประสาทใหม่ และทำให้เซลล์ประสาทเก่าแข็งแรง เช่นเดียวกับมินท์ กลิ่นของอบเชยสามารถเพิ่มหน่วยความจำและทำให้มีสมาธิได้ นอกจากนี้วารสาร The American Journal of Clinical Nutrition ได้ยืนยันว่าอบเชยในรูปแบบผงสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย
ขอบคุณภาพปก : Pixabay