- สะท้อนคุณค่าของสินค้า
ราคาเป็นสิ่งที่ลูกค้าใช้ประเมินว่ามื้อนี้คุ้มค่าหรือไม่ หากตั้งราคาขายเหมาะสม ลูกค้าจะรู้สึกสบายใจในการจ่าย
- สร้างกำไรและความยั่งยืนให้ร้านอาหาร
กำไรไม่ได้มาจากยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการตั้งราคาขายที่สอดคล้องกับต้นทุน
- กำหนดภาพลักษณ์ของร้าน
ราคาสูง มักทำให้ร้านดูพรีเมียม, ราคากลาง ๆ สื่อถึงร้านมาตรฐานทั่วไป และราคาย่อมเยา ช่วยดึงดูดลูกค้าวัยรุ่นหรือคนทำงานรายวัน
1. ต้นทุนวัตถุดิบ
ทุกเมนูในร้านอาหารล้วนมีต้นทุน เช่น เนื้อสัตว์ ผัก เครื่องปรุง การตั้งราคาขายควรบวกกำไรขั้นต่ำ 30–50% จากต้นทุน เพื่อให้ร้านมีสภาพคล่อง
2. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าร้าน ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าแรงพนักงาน ล้วนเป็นต้นทุนแฝงที่ควรรวมอยู่ในราคาขายด้วย
3. กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
หากร้านอาหารตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ราคาควรเข้าถึงง่าย หากอยู่ในย่านธุรกิจหรือแหล่งท่องเที่ยว อาจตั้งราคาสูงขึ้นเพื่อสอดคล้องกับกำลังซื้อ
4. คู่แข่งในพื้นที่
สำรวจราคาของร้านอาหารใกล้เคียงเพื่อเปรียบเทียบ ไม่ควรตั้งราคาสูงเกินไปจนลูกค้าเปลี่ยนใจไปหาร้านอื่น แต่ก็ไม่ควรต่ำเกินจนขาดทุน
5. ความพิเศษของเมนู
เมนูที่ใช้วัตถุดิบหายาก หรือเป็นสูตรเฉพาะของร้าน สามารถตั้งราคาขายสูงกว่าทั่วไปได้ เพราะลูกค้ามองว่าเป็นของพิเศษ
1. เทคนิคการคำนวณต้นทุนต่อจาน
สูตรเบื้องต้น : ราคาขาย = ต้นทุนอาหาร ÷ % ต้นทุนที่ต้องการ
เช่น หากต้นทุนจานละ 50 บาท และต้องการให้ต้นทุนอาหารอยู่ที่ 35% ราคาขายที่เหมาะสมคือ 50 ÷ 0.35 = 143 บาท
การใช้เทคนิคนี้ช่วยให้ร้านอาหารสามารถควบคุมกำไรได้แน่นอน และป้องกันการตั้งราคาขายที่ไม่สมดุล
2. การตั้งราคาแบบจิตวิทยา
ลูกค้ามักจะรู้สึกว่าราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 หรือ 5 ถูกกว่าความเป็นจริง เช่น 99 บาท แทนที่จะเป็น 100 บาท เทคนิคนี้เหมาะกับร้านอาหารที่ต้องการกระตุ้นยอดขาย
3. การตั้งราคาแบบพรีเมียม
ถ้าร้านของคุณต้องการสร้างภาพลักษณ์หรูหรา สามารถตั้งราคาขายสูงกว่าคู่แข่งได้ โดยต้องเสริมด้วยคุณภาพวัตถุดิบ การตกแต่งร้าน และการบริการที่แตกต่าง เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย
4. การตั้งราคาแบบเมนูเซ็ต
การขายอาหารเป็นชุด เช่น “ข้าว+กับข้าว+น้ำ” ในราคาพิเศษ มักทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มกว่า และช่วยเพิ่มยอดขายโดยรวมให้ร้านอาหารได้
5. การตั้งราคาแบบโปรโมชั่น
เช่น “ซื้อ 1 แถม 1” หรือ “ลดราคาในช่วงเวลา Happy Hour” วิธีนี้เหมาะกับการดึงดูดลูกค้าใหม่และเพิ่มยอดขายในช่วงเวลาที่คนเข้าร้านน้อย
6. การตั้งราคาแตกต่างตามเวลา
บางร้านอาหารอาจตั้งราคาขายที่แตกต่างกันในช่วงเวลา เช่น อาหารกลางวันราคาย่อมเยา แต่ช่วงเย็นอาจมีราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพื่อสะท้อนความต้องการของลูกค้าในแต่ละเวลา
7. การตั้งราคาอิงจากคุณค่า
เทคนิคนี้เน้นให้ความสำคัญกับคุณค่าที่ลูกค้าได้รับ ไม่ใช่แค่ต้นทุน เช่น อาหารสุขภาพ หรือเมนูออร์แกนิก สามารถตั้งราคาสูงได้เพราะลูกค้ามองว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ
นอกจากเทคนิคการตั้งราคาขายแล้ว การเขียนราคาขายในเมนูร้านอาหาร ก็มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าเช่นกัน มาดูเคล็ดลับแล้วนำไปปรับใช้ ดังนี้
- อย่าใส่สัญลักษณ์ “฿” เพราะตัวเงินอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงการจ่ายที่มากเกินไป
- ใช้การออกแบบที่เรียบง่าย โดยให้ราคาดูเป็นส่วนหนึ่งของเมนู
- แนะนำเมนูพิเศษ เช่น Chef’s Recommendation หรือ Signature Dish พร้อมราคาที่สูงกว่าปกติเล็กน้อย ลูกค้ามักเลือกสั่งโดยไม่ลังเล
- ใช้การเปรียบเทียบราคา เช่น วางเมนูราคาสูงไว้ใกล้กับเมนูราคากลาง เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าราคากลางคุ้มกว่า
การตั้งราคาขายในร้านอาหาร ไม่ได้เป็นเพียงการบวกกำไรจากต้นทุน แต่ยังเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ผสมผสานทั้งจิตวิทยา การตลาด และความเข้าใจลูกค้า เจ้าของร้านควรพิจารณาต้นทุน กลุ่มเป้าหมาย คู่แข่ง และคุณค่าที่เมนูสร้างให้กับลูกค้า เพื่อกำหนดราคาที่เหมาะสม