Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

12 สิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองทำซึ่งดูไม่มีอะไรแต่ก็ให้ผลร้ายแรงกับเด็ก

Posted By Plook Teacher | 10 พ.ย. 64
2,957 Views

  Favorite

   ผู้ใช้ที่มีชื่อว่า DL4MISH ได้ตั้งคำถามในเว็บไซต์ Reddit แพลตฟอร์มเว็บบอร์ดจากสหรัฐอเมริกา ประมาณว่า “อะไรคือสิ่งที่พ่อแม่ทำกับเด็กที่แม้ว่าจะดูไม่เป็นอันตราย แต่ส่งผลกระทบบางอย่างกับเด็กในภายหลัง” โดยคำถามนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก และได้รับคำตอบที่น่าสนใจจากผู้ใช้อื่นมากมาย 

โดยคำตอบเหล่านั้นมีหลายคำตอบที่มีผู้ใช้อื่นแสดงความเห็นด้วยในระดับสูง มันจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่จะเรียนรู้จากความคิดเห็นเหล่านั้น และคิดพิจารณาเพื่อตกผลึกเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะระมัดระวังในการแสดงออกต่อเด็ก ซึ่งเมื่อได้ศึกษาแล้ว นี่คือสิ่งที่ได้จากความคิดเห็นที่น่าสนใจทั้งหมด

ไม่ใส่ใจถึงปัญหาของเด็ก

บ่อยครั้งที่พ่อแม่ผู้ปกครองมักจะบอกปัดเรื่องต่าง ๆ ที่เด็กต้องการจะขอคำแนะนำหรือคำปรึกษา เพราะมองว่าเป็นปัญหาเพียงเล็กน้อยหรือไร้สาระ ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก เพราะการที่ไม่ใส่ใจถึงปัญหาที่เด็กกำลังเผชิญ ไม่ฟังและมองข้ามพวกเขา โดยมองว่าปัญหาของเขานั้นคือเรื่องเล็กน้อย มันคือการผลักดันให้เขาถอยห่างจากครอบครัวออกไป เพราะเขารู้สึกว่าปัญหาเขานั้นไม่มีความสำคัญสำหรับกับคนในครอบครัวเลย แน่นอนว่าปัญหาของพวกเขาอาจจะดูเล็กน้อยและแตกต่างจากปัญหาที่ผู้ใหญ่ต้องเผชิญ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ตามลำพัง เพราะอย่างไรก็ตามเด็กก็ยังต้องการที่ปรึกษาที่ดี ซึ่งก็คือพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะนำพาเขาไปสู่แนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง

เข้มงวดและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนตัวของเด็กมากจนเกินไป

ผู้ใช้หลายคนเห็นตรงกันว่าพ่อแม่ผู้ปกครองบางครอบครัวนั้นเข้มงวดมาก พวกเขาเฝ้าดูและกำหนดการกระทำต่าง ๆ ให้เด็กทุกอย่าง และมักจะเข้าไปก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขา ซึ่งในความคิดของพ่อแม่ผู้ปกครองนั้นอาจมองว่า สิ่งนี้เป็นการกระทำที่ธรรมดาซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เด็กทำอะไรที่ไม่เข้าท่า แต่ถ้ามองให้ลึกลงไป การกระทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้ เด็กเรียนรู้ที่จะโกหก ขโมย แอบหนี ซึ่งทั้งหมดเป็นเพราะพ่อแม่ของพวกเขานั้นเข้มงวดมากจนเกินไปนั่นเอง 

การชดเชยที่มากจนเกินไป

การชดเชยที่เกินกว่าความจำเป็น เช่น ชดเชยในเรื่องทั่วไปหรือเรื่องที่เด็กสามารถทำได้ตามปกติอย่างออกนอกกหน้านั้น ทำให้เด็กไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการชมเชยนั้น และทำให้รู้สึกว่าคำชมเชยนั้นเป็นเรื่องไร้สาระและไม่รู้สึกดีกับมัน มันจึงควรถูกใช้อย่างระมัดระวังมากกว่าที่จะใช้อย่างพร่ำเพรื่อ

เลี้ยงดูแบบรถปราบดิน (Bulldoze)

การเลี้ยงลูกแบบรถปราบดิน (Bulldoze) คือ การที่พ่อแม่ผู้ปกครองคอยขจัดปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งหมดให้เด็ก โดยไม่ให้พวกเขาต้องเผชิญกับมัน แม้จะเป็นเรื่องพื้นฐานใด ๆ ก็ตาม เพราะกลัวว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ ท้อแท้ หรือล้มเหลวในเรื่องนั้น ๆ ซึ่งการทำเช่นนี้ ผู้ใช้หลายคนมองว่า แม้จะทำให้เด็กปลอดภัย แต่ไม่ช่วยให้เขาเติบโตได้อย่างแข็งแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ และมีโอกาสที่จะล้มเหลวกับชีวิตในอนาคต

ตำหนิพฤติกรรมของเด็ก แต่กลับไม่ปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างที่ดี

บ่อยครั้งที่พ่อแม่ผู้ปกครองมักตำหนิติเตียนพฤติกรรมหรือการกระทำบางอย่างของเด็ก ซึ่งเป็นธรรมดา ในการเฝ้าระวังพฤติกรรมของเขา แต่บางครั้งการกระทำบางอย่างนั้น แม้ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองจะบอกไม่ให้เด็กทำ แต่พอเป็นตัวเองนั้นกลับทำพฤติกรรมนั้นเสียเอง และบางครั้งก็ทำต่อหน้าเด็ก ๆ ด้วย การกระทำเช่นนี้สร้างความสับสนในวิธีคิดของเด็ก เพราะในเมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองบอกว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ไม่ได้ แล้วทำไมตัวผู้ใหญ่เองถึงทำได้

สื่อสารด้วยโทสะ

ทุกอย่างสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการสื่อสารอย่างใจเย็น ไม่ใช่การบันดาลโทสะ ดังนั้นผู้ใช้หลายคนมองเห็นตรงกันว่า มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะกรีดร้องใส่เด็ก ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ซึ่งการที่พ่อแม่ผู้ปกครองทำเช่นนี้ แม้ว่าอาจจะเกิดขึ้นได้จากอารมณ์ที่ชั่ววูบ แต่ก็ทำให้เด็กมีภาพจำต่อพ่อแม่ผู้ปกครองในลักษณะที่ไม่ดี และทำให้เขารู้สึกว่าครอบครัวนั้นไม่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาอีกต่อไป

บอกเด็กว่าเขายังทำได้ไม่ดี เปรียบเทียบเขากับเด็กคนอื่น

เป็นธรรมดาที่เด็กจะมีทั้งช่วงเวลาที่ดีและช่วงเวลาที่แย่ ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เด็กอยู่ในช่วงเวลาที่แย่เช่น ทำเกรดได้ไม่ดีหรือ พ่ายแพ้ในการแข่งขันกีฬา คำพูดของพ่อแม่ผู้ปกครองนั้นคือสิ่งสำคัญที่สามารถทำให้เด็กดีขึ้นหรือแย่ลงได้ ผู้ใช้หลายคนเห็นด้วยกับความคิดเห็นที่บอกถึงพ่อแม่ผู้ปกครองบางครอบครัวที่มักจะกระตุ้นเด็กในช่วงเวลาที่แย่ ด้วยคำพูดประมาณว่า "เขาฉลาดกว่านั้น" หรือ "เขาไม่ได้พยายามทำให้ดีที่สุด" หรือแม้แต่การเอาเด็กไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น ซึ่งแม้จะเป็นการกระตุ้นเขา แต่มันทำให้เด็กสับสนกับความมานะพยายามของตัวเองเสียมากกว่า 

ทำลายความตั้งใจด้วยการวิพากษ์วิจารณ์

การวิพากษ์วิจารณ์สามารถช่วยให้เกิดการพัฒนาได้ ถ้าผู้นั้นสามารถที่จะรับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดกว้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่กับเด็ก พวกเขายังไม่สามารถแยกแยะคำวิพากษ์วิจารณ์ที่เหมาะสมได้ว่า สิ่งไหนควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หรือสิ่งไหนควรที่จะคงไว้ ทำให้การวิพากษ์วิจารณ์นั้น เหมือนเป็นการทำลายความตั้งใจและความเชื่อมั่นของเขา

ล้อเลียน

การล้อเลียนเด็ก ๆ ในสิ่งที่เขาทำหรือสิ่งที่เขาแสดงความคิดความคิดเห็นนั้น ซึ่งบางเรื่องนั้นอาจเป็นความน่าอายที่เขาอย่างจะลืมเลือน แต่มักจะถูกขุดขึ้นมาพูดถึงจากผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดเสมอ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ส่งผลเสียอย่างมากกับเด็ก เพราะจะทำให้เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากเรื่องที่น่าอับอาย และไม่มีความกล้ามากพอที่จะทำในสิ่งที่เขาอยากทำ

บังคับให้เด็กทำอะไรที่ไม่ชอบ

มีบางความคิดเห็นที่บอกถึง พฤติกรรมของพ่อแม่ผู้ปกครองที่มักบังคับลูกให้กอดและจูบทั้งกับตัวพ่อแม่เองหรือไม่ก็กับญาติมิตรหรือคนรู้จัก ซึ่งแม้จะดูเป็นการทักทายกันตามปกติ แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่เด็กไม่อยากทำหรือไม่ยินยอม เขาก็ไม่ควรถูกขยั้นขยอให้ทำเช่นนั้น เพราะสิ่งสำคัญที่เขาจะต้องเรียนรู้คือเขาควรมีสิทธิในร่างกายของตัวเอง

สร้างความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับอาหารอย่างไม่ถูกต้อง

ผู้ใช้บางคนกล่าวว่า การให้รางวัลกับความสำเร็จของเด็กนั้นด้วยอาหาร เป็นการสร้างวัฒนธรรมการรับประทานการอาหารที่ไม่ดี เหมือนกับว่าพอประสบความสำเร็จและต้องไปฉลองด้วยการรับประทานอาหารต่าง ๆ ทำให้เด็กเกิดการบริโภคที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองบางคนยังมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการให้เด็กรับประทานอาหารว่า ควรให้เด็กรับประทานอาหารมาก ๆ จึงจะดี ซึ่งความจริงแล้ว เขาควรได้รับประทานอาหารอย่างเหมาะสมตามความต้องการของเขาเองมากกว่า ซึ่งจะทำให้เขามีทัศนคติที่ดีต่อการรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะอีกด้วย

สร้างให้เด็กเกิดความอับอายในเรื่องเพศ

เรื่องเพศนั้นเป็นเรื่องที่ควรสอนให้เด็กรับรู้อย่างถูกต้อง เช่น การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ภาวะทางอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป การสอนให้เด็กกลัวหรืออับอายในเรื่องเพศนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้เขามีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ยังมีส่งผลทำให้เด็กมีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมสำหรับเรื่องทางเพศในอนาคตอีกด้วย

 

      ทั้ง 12 ข้อนี้ คือสิ่งที่ผู้เขียนตกผลึกมาจากความคิดเห็นบางส่วนของผู้ใช้หลายคนที่ได้เข้ามาตอบคำถามในกระทู้นี้ ซึ่งยังมีความคิดเห็นอื่นๆที่น่าสนใจมากมายในกระทู้ ที่สามารถช่วยให้เราเป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่ดีขึ้นได้ จึงเป็นกระทู้หนึ่ที่ควรเข้าไปศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

 

เรียบเรียงโดย : นรรัชต์  ฝันเชียร

 

 

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Teacher
  • 127 Followers
  • Follow