Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

สอนเด็กๆ ให้รู้จักสิทธิในร่างกายของตัวเอง

Posted By Plook Teacher | 10 พ.ย. 64
4,747 Views

  Favorite

สำหรับครอบครัวแล้ว การแสดงความรักต่อกันในครอบครัวนั้น ถือเป็นเรื่องปกติและเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสัมพันธภาพที่ดีให้เกิดขึ้นภายในครอบครัว อันจะนำมาสู่สถาบันครอบครัวที่แข็งแรง มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่แต่ละครอบครัวจะแสดงความรักในลักษณะต่าง ๆ ตามสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป เช่น การกอด หอม จับมือ ลูบหัว หรือพูดคุยยกย่องต่อกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าดำรงอยู่ในกรอบศีลธรรมหรือประเพณีที่ดีงามตามแต่ละท้องที่ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม แต่ถ้าการแสดงความรักนั้นเลยเถิดจนเกินงามหรือตามปกติวิสัย การแสดงความรักเหล่านี้ก็อาจถูกมองว่าเป็นการล่วงละเมิดได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราความต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ

    ข่าวคราวของนักดนตรีท่านหนึ่งที่แสดงความรักต่อลูกสาวด้วยท่าทางที่ดูจะไม่เหมาะสมนัก กลายมาเป็นประเด็นร้อนในช่วงข้ามคืน ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่มองว่าการกระทำนั้นเป็นเพียงการแสดงความรักภายในครอบครัวกันธรรมดาซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งมองว่าการกระทำดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสม และเข้าข่ายล่วงละเมิดเด็ก

 

    ก่อนที่เราจะตัดสินว่าอะไรควรจะเข้าข้างฝ่ายไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่เราควรทำความรู้จักเรื่องของสิทธิเด็กกันก่อน เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญในการพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งสิทธิเด็กนั้น เป็นสิทธิที่เด็กพึงได้รับตามหลักสากล โดยเกิดขึ้นจากอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิเด็ก (United Nations Convention on the Rights of the Child: CRC, UNCRC) เป็นสนธิสัญญาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนซึ่งกำหนดสิทธิในทางพลเมือง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และวัฒนธรรม ของเด็ก ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยที่ประชุมสมัชชาใหญ่แก่งสหประชาชน ได้ลงนามอนุสัญญฉบับนี้เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1989 ก่อนที่จะเริ่ม ใช้บังคับเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1990 ปัจจุบัน มีประเทศเข้าเป็นภาคีแห่งอนุสัญญานี้จำนวน 196 ประเทศ

 

สำหรับประเทศที่ให้สัตยาบันแก่อนุสัญญานี้จะมีความผูกมัดที่ต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาทั้ง 54 ข้อ ซึ่งประกอบไปด้วยสาระสำคัญในเรื่องสิทธิของเด็ก 4 ด้าน ได้แก่ สิทธิที่จะมีชีวิตรอด สิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง สิทธิในการพัฒนา และสิทธิในการมีส่วนร่วม ซึ่งด้านที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากที่สุด คือ  สิทธิของเด็กที่ควรจะได้รับการปกป้องคุ้มครองนั่นเอง

 

เด็กควรได้รับคือการปกป้องคุ้มครองจากภัยอันตรายต่าง ๆ เช่น การใช้ความรุนแรงทั้งร่างกายและจิตใจ การใช้แรงงานผิดกฎหมาย การทำงานอันตราย การถูกขัดขวางด้านการศึกษา  ยาเสพติด สารที่เป็นพิษ การค้ามนุษย์ การลักพาตัว  รวมถึงการแสวงประโยชน์กับเด็กในทุกรูปแบบต่าง ๆ และแน่นอนการล่วงละเมิดทางเพศ ก็เข้าข่ายในด้านนี้ด้วย ซึ่งถ้าพบว่าเด็กถูกกระทำ รัฐก็มีหน้าที่ต้องฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจของเด็กได้กลับคืนสู่สังคมอย่างมีศักดิ์ศรีอีกด้วย

 

ปัจจุบันนอกจากอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิเด็กที่หลายประเทศยึดถือตามหลักสากลนี้ประเทศไทยก็ได้ออกพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ซึ่งมีสาระสำคัญคือการกำหนดบทบาทหน้าที่ของผู้ปกครอง รวมถึงหน่วยงานภาครัฐในการปฏิบัติต่อเด็กอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังได้สอดแทรกกฎหมายเกี่ยวกับเด็กไว้ในส่วนต่าง ๆ มากมาย เช่น ในประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และการออกพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับเด็กในด้านต่าง ๆ เป็นต้น

 

และจากกฎหมายเกี่ยวกับเด็กที่มีอยู่อย่างมากมายนี้ ทำให้เราจำเป็นต้องศึกษาและเรียนรู้หลักกฎหมายและข้อบังคับต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเด็ก เพื่อที่ตัวเองเข้าใจและจะสามารถปฏิบัติต่อเด็กได้อย่างเหมาะสม และไม่เป็นการล่วงละเมิด 

 

ปัจจุบันเราจะเห็นเรื่องของการเรียนร้องสิทธิในร่างกายของเด็กมากขึ้น เช่น การยกเลิกการตัดผมนักเรียนในโรงเรียน หรือการยกเลิกการลงโทษด้วยวิธีรุนแรง ซึ่งนับเป็นเรื่องดีที่ประเทศไทยเริ่มตื่นตัวในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตาม   สิทธิในร่างกายของเด็กนั้น ไม่ได้หมายความว่า เด็กจะทำอะไรก็ได้กับร่างกายของตัวเอง เพราะตามกฎหมายแล้วพวกเขายังต้องอยู่ในความดูแลของพ่อแม่ผู้ปกครองอยู่ อะไรที่เป็นผลเสียกับเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองก็มีสิทธิที่จะป้องกันเขาอย่างสิ่งเหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่ผู้ปกครองจะมีสิทธิเหนือร่างกายของเขา

 

มันถึงเวลาแล้วที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องของสิทธิเด็กและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง และในขณะเดียวกันก็ต้องสอนให้เด็กรู้จักสิทธิในร่างกายของตัวเองและของคนอื่นด้วย โดยการสอนให้เด็กเข้าใจและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยต่อไปนี้ถึงแนวทางที่ควรดำเนินการ

 

แสดงความรักในครอบครัวในระดับที่เหมาะสม และให้เกียรติซึ่งกันและกัน 

    เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะต้องเรียนรู้ การแสดงความรักต่อกันในครอบครัวนั้นเป็นเรื่องที่ดี ตราบใดที่ไม่เกินเลยกว่าระดับที่ควรจะเป็น เพราะอย่าลืมว่าเด็กนั้นแม้จะเป็นลูกของเรา แต่เราก็ไม่ใช่เจ้าของชีวิตของเขา สำหรับพ่อแม่แล้ว พวกเขาอาจจะยังเป็นเด็กอยู่เสมอ แต่ความเป็นจริง เขาเติบโตขึ้นตามวัย ดังนั้นควรปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเหมาะสมตามแต่ช่วงอายุ

สอนให้เด็กรู้จักร่างกายของตัวเอง

    พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรสอนให้เด็กรู้จักร่างกายและส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของตัวเอง โดยเฉพาะจุดซ่อนเร้นที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมถึงเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุยปรึกษาในเรื่องเกี่ยวกับร่างกายของเขาอย่างเปิดเผย ซึ่งการสอนเรื่องนี้นอกจากจะช่วยให้เด็กรู้จักและระมัดระวังร่างกายหรือการเปิดเผยร่างกายของตัวเองแล้ว ยังช่วยให้เด็กเรียนรู้ที่จะรักษาความสะอาดในจุดซ่อนเร้นต่าง ๆ ด้วยตัวเองอีกด้วย 

เน้นย้ำให้เด็กทราบว่าทุกคนมีสิทธิในร่างกายของตัวเองเสมอ

    พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเน้นย้ำให้เด็ก ๆ ทราบว่าตัวเองนั้นมีสิทธิในร่างกายของตัวเอง โดยผู้อื่นไม่มีสิทธิที่จะก้าวล่วงได้ ถ้าเราไม่อนุญาตแม้จะเป็นคนในครอบครัวก็ตาม ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะบอกเรื่องนี้และแสดงออกให้เด็กเห็นว่า ถ้าสมุมติว่าพ่อแม่หรือผู้ปกครองจะต้องช่วยเหลือเขาในเรื่องเกี่ยวกับร่างกายบางอย่าง เช่น ใส่เสื้อผ้า หรือ ล้างก้น  พ่อแม่หรือผู้ปกครองก็ควรที่จะขออนุญาตเขาอย่างเป็นกิจลักษณะ และไม่ควรที่จะบังคับฝืนใจให้เด็กแสดงความรักต่อใครโดยที่เขาไม่พอใจหรือไม่ชอบ และในขณะเดียวกันในการที่เด็กจะไปเล่นหรือจับมือถือแขนกับเพื่อน พวกเขาก็ควรเรียนรู้ที่จะขออนุญาตผู้อื่นเช่นเดียวกัน

สอนให้เด็กรู้ว่าจะเผยแพร่บนออนไลน์ขะอะไรต้องขออนุญาตเสมอ

    ทุกวันนี้สื่อสังคมออนไลน์นั้นมีความสำคัญมากกับชีวิตทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เด็ก เด็กสมัยนี้เข้าถึงเครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ง่ายมาก และทำให้พวกเขาเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ได้ง่ายมากขึ้นตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองจึงจำเป็นต้องกำชับเด็กในเรื่องของการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่สิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะภาพถ่ายหรือวีดีโอ ที่ควรจะต้องขออนุญาตบุคคลที่ปรากฎอยู่ในภาพถ่ายหรือวีดีโอเสียก่อน หรือไม่ก็ต้องลบสิ่งที่แสดงถึงตัวบุคคลต่าง ๆ ออก เพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดบุคคลอื่น

สอนให้เด็กรู้จักหลีกเลี่ยง ปฏิเสธ และ ถอยหนี

    พ่อแม่ผู้ปกครองควรสอนให้เด็กรู้จักหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ล่อแหลมต่อการถูกล่วงละเมิด เช่น ในที่เปลี่ยว เจอคนแปลกหน้าเข้ามาตีสนิท หรือ การไปในสถานที่ใดกับเพื่อนต่างเพศสองต่อสอง สอนให้เขาปฏิเสธให้เป็น ไม่พูดคุยกับคนแปลกหน้า และรู้จักถอยห่าง เพื่อหลบหนีจากสถานการณ์เหล่านั้นอย่างเหมาะสม เช่น วิ่งหนี หรือเดินไปหาผู้คนที่สามารถช่วยเหลือได้ เป็นต้น

ให้เด็กมีสิทธิในการเลือก

    เด็กควรมีสิทธิเลือก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับตัวของเขาเอง เช่น เขาจะใส่ชุดอะไรไปงานวันนี้ หรือ ควรจะใส่รองเท้าคู่ไหน สิทธิในการเลือกเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ จะช่วยเน้นย้ำให้เด็กรู้ว่าเขามีสิทธิในร่างกายของเขา และมีสิทธิที่จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับเขาด้วยตัวเอง

    อย่างไรก็ดี สิทธิในการเลือกเหล่านี้ พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมตามวัยด้วย ซึ่งการให้สิทธิกับเด็กในการเลือกสิ่งต่าง ๆ นั้นจะต้องไม่ใช่การเลือกที่จะมีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเขา เช่น การรับประทานอาหาร หรือ การดูแลสุขภาพ เป็นต้น

สอนให้เด็กเห็นอกเห็นใจและให้การช่วยเหลือผู้อื่น

    สอนให้เด็กรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่กลั่นแกล้ง ทำร้ายเพื่อนหรือน้อง สอนพวกเขาให้เป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี และพร้อมจะให้การช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มใจ เมื่อพวกเขาร้องขอ ซึ่งจะช่วยให้เด็กเติบโตโดยเข้าใจในความแตกต่างและให้เกียรติผู้อื่นมากขึ้น

 

การแสดงความรักในครอบครัวระหว่างพ่อแม่ผู้ปกครองกับเด็ก ในลักษณะที่เกินเลยและไม่เป็นไปตามวัย เช่น การกอด จูบ ลูบ คล่ำ ร่างกายในลักษณะที่ผิดวิสัยนั้น ถ้ามองในมุมมองตามหลักกฎหมายแล้ว ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะถือเป็นการล่วงละเมิดเด็ก แม้ว่าตัวเองจะบริสุทธิ์ใจก็ตาม และถ้ายิ่งมีการบันทึกภาพและเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ก็ยิ่งเป็นความผิดที่เพิ่มเติมมากขึ้นไปอีก มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และควรต้องปฏิบัติอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาและส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อเด็ก

 

เรียบเรียงโดย : นรรัชต์  ฝันเชียร

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Teacher
  • 127 Followers
  • Follow