จากผลการสำรวจของ World Economic Forum (WEF) ที่ทำการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจโลก ความมั่นคงของธนาคาร และความซับซ้อนทางธุรกิจของแต่ละประเทศ เชื่อมโยงไปสู่ระบบการศึกษาของแต่ละประเทศ ทราบผลออกมาว่า 10 ประเทศนี้มีระบบการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและดีที่สุดในโลก
*ลำดับของแต่ละประเทศในบทความนี้ ไม่ได้เรียงจากผลการประเมินแต่อย่างใด
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีและรัดกุมมาก ๆ เพราะคะแนนในการสอบ PISA เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนจากสิงคโปร์ค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตาม ระบบการศึกษาของสิงคโปร์ก็ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างความเครียดและความกดดันให้กับนักเรียนไม่ใช่น้อยเช่นกัน
งานวิจัยของ Unicef ในปี 2556 ระบุว่า เด็กชาวเนเธอร์แลนด์เป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลก แต่ละโรงเรียนมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติของเด็กเป็นอย่างดี การบ้านมีจำนวนพอเหมาะ ซึ่งลดความเครียดและความกดดันของนักเรียนได้ค่อนข้างมาก
ออสเตรเลียได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลกเป็นอันดับสามในปี 2018 จาก QS Higher Education System Strength Rankings นอกจากนี้มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียหลายแห่งยังติดอันดับ 50 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย
ระบบการศึกษาในนิวซีแลนด์ ส่งเสริมให้เด็กมีความคิดเป็นของตัวเอง มีอิสระในการเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบและถนัด นิวซีแลนด์จึงเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ที่มีนักเรียนต่างชาติสนใจมาศึกษาต่อเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้นิวซีแลนด์ยังมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเรียนหนังสือ และยังมีมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่งที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติอีกด้วย
หลังจากเกาหลีใต้ปรับระบบการศึกษาใหม่ “New Education System” สร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ เสริมศักยภาพสถานศึกษาให้มีความพร้อมในทุกด้าน อีกทั้งยังมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยเสริม จึงทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นอีกหนึ่งประเทศมาใหม่ที่นักเรียนหลากหลายเชื้อชาติให้ความสนใจจะมาศึกษาต่อ
สหรัฐอเมริกามักเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับนักเรียนที่ต้องการศึกษาในต่างประเทศ เพราะมีมหาวิทยาลัยกว่า 150 แห่งที่รองรับการเรียนการสอนแบบ International Study อาทิ Harvard University, Columbia University, Stanford University, MIT - Massachusetts Institute of Technology, Princeton University, Yale University เป็นต้น
อังกฤษมีสถาบันการศึกษา 4 แห่งที่ติดอันดับ 1 ใน 10 สถาบันการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก และมีมหาวิทยาลัยอีก 18 แห่งที่ติดอันดับ Top 100 ของโลก เพราะสถาบันการศึกษาในอังกฤษมีความหลากหลายมาก นักเรียนหรือผู้ที่สนใจศึกษาต่อเฉพาะทางสามารถเลือกเรียนวิชาต่าง ๆ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำได้ด้วยตัวเอง
เบลเยียม มีการแบ่งประเภทของโรงเรียนมัธยมออกเป็น 4 ประเภท คือ โรงเรียนมัธยมทั่วไป โรงเรียนเทคนิค โรงเรียนอาชีวะ และสถาบันศิลปะ โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาศัพยภาพของนักเรียนตามความชอบและความสนใจเป็นหลัก นักเรียนสามารถเลือกเรียนในโรงเรียนและกลุ่มวิชาที่สนใจได้เลย โดยผู้ปกครองเสียค่าใช้จ่ายเพียงน้อยนิด หรือแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาเลย เพราะรัฐบาลมีสวัสดิการให้เด็กตั้งแต่อายุ 4-18 ปี ศึกษาเล่าเรียนฟรี
นอกจากภูมิประเทศที่น่าอยู่แล้ว สวิสเซอร์แลนด์ยังเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับระบบการศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะนักเรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจและความถนัดของตัวเองได้ อีกทั้งบทเรียนในโรงเรียนแต่ละแห่งยังมีสอนทั้งภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส และอิตาลี แตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาคอีกด้วย
ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดีติดอันดับโลกมาตลอด เพราะการเรียนการสอนภายในโรงเรียนจะสอนเหมือนกันหมด ไม่มีการแบ่งชนชั้นเด็กเก่งเด็กไม่เก่ง นอกจากนี้ฟินแลนด์ยังไม่มีเครื่องแบบนักเรียน ไม่มีการสอบเข้าสถานศึกษา ไม่มีการจัดอันดับการศึกษา และให้การบ้านน้อย ทำให้เด็กสามารถศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่ชอบหรือสนใจได้อย่างอิสระ ไม่กดดัน และสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มที่