Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เหตุผลที่ควรรีบฉีดวัคซีนให้ครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษา

Posted By Plook Teacher | 10 พ.ค. 64
3,072 Views

  Favorite

ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่เพิ่มมากกว่าการระบาดในระลอกก่อน กำลังสร้างความน่ากังวลให้กับหลาย ๆ ภาคส่วน ซึ่งเรื่องของการศึกษาก็เป็นเรื่องหนึ่งในนั้น เพราะการระบาดที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่องนี้ อาจทำให้การศึกษาในรูปแบบปกตินั้นยังคงไม่สามารถเปิดได้ แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมานานแล้วก็ตาม

 

ตามคำสั่งของกระทรวงศึกษาธิการล่าสุด จากที่ได้ประเมินสถานการณ์การระบาดที่ยังคงรุนแรงแล้ว ก็ได้มีคำสั่งเลื่อนเปิดภาคเรียนจากวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ให้เป็นวันที่ 1 มิฤนายน 2564 ซึ่งถ้าสถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น สถานศึกษาต่าง ๆ ก็จะเริ่มเปิดเรียนได้ตามวันเวลาดังกล่าว แต่ ณ เวลานี้ สถานการณ์ก็ดูจะไม่เป็นใจต่อเรื่องนี้เท่าไหร่นัก และเป็นไปได้ว่าอาจจะต้องปิดเรียนต่อไปอีก

 

อย่างไรเสีย โรงเรียนก็จำเป็นที่จะต้องเปิดภาคเรียน จะต้องมีการเรียนการสอนตามปกติ แต่จะทำอย่างไรดี ถ้าการระบาดนี้ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง เราจะเปิดภาคเรียนท่ามกลางการระบาดนี้ได้อย่างไร สิ่งหนึ่งที่กลายมาเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน คือ เรื่อง การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ให้กับครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษา

 

ปัจจุบันในประเทศไทย เริ่มมีการฉีควัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไปบ้างแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะถือเป็นกลุ่มสำคัญที่อาจได้รับอันตรายจากโรคได้ง่าย และตอนนี้กำลังพิจารณาฉีควัคซีนให้กลุ่มอื่น ๆ ที่จำเป็น โดยกลุ่มหนึ่งที่กำลังได้รับการพิจารณาเร่งด่วนคือ กลุ่มครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาที่ทำงานในสถานศึกษา โดยมีการกำหนดให้ผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ก่อนที่จะเปิดภาคเรียน แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นไปตามความสมัครใจของแต่ละบุคคล

 

อย่างไรก็ดี นอกจากพื้นที่เสี่ยงที่กล่าวมา ก็ยังไม่มีรายละเอียดอะไรที่บ่งบอกหรือบังคับให้ครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาทั้งหมดในประเทศต้องฉีดวัคซีน แต่การฉีดวัคซีนโควิด 19 ก็นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะฉีดวัคซีนให้กับครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาทั้งหมดในประเทศ ซี่งอาจจะช่วยให้การศึกษาสามารถดำเนินไปท่ามกลางการระบาดนี้ได้บ้าง

 

สำหรับเหตุผลที่ครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาควรเป็นกลุ่มเร่งด่วนที่ควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 นั้น มีดังนี้

ให้สามารถเปิดภาคเรียนได้ตามกำหนดเวลา

นับเป็นความตั้งใจของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการให้ครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษา ฉีควัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยในระยะแรกนั้นสำหรับครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่เสี่ยง การทำเช่นนี้ก็เพื่อให้การศึกษานั้นสามารถดำเนินต่อไปได้ท่ามกลางการระบาด ซึ่งถ้าครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาส่วนใหญ่ฉีดวัคซีน ก็จะมีโอกาสติดหรือแพร่เชื้อน้อยลง ทำให้ครูผู้สอนและนักเรียนมีความมั่นใจมากขึ้น และสามารถจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ

ลดโอกาสการติดเชื้อจากนักเรียนและแพร่เชื้อสู่นักเรียน

ครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะที่ทำงานในสถานศึกษานั้น เป็นกลุ่มหนึ่งที่ควรจะได้รับวัคซีนให้ครบก่อนที่จะเปิดภาคเรียน เพราะถือเป็นกลุ่มที่ทำงานใกล้ชิดกับนักเรียน จึงมีโอกาสที่จะติดเชื้อหรือแพร่เชื้อให้กับนักเรียนได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวที่ครูประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็กติดโรคโควิด 19 แล้วส่งผลให้เด็กที่เรียนศูนย์เด็กเล็กติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ซึ่งแม้ว่าการติดเชื้อของเด็กนั้นจะไม่รุนแรงเหมือนผู้ใหญ่ แต่พวกเขาก็สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นในครอบครัวได้ มันจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ครูผู้สอนควรฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันตัวเองและป้องกันนักเรียนในความดูแล

ยังไม่มีวัคซีนโควิด 19 สำหรับนักเรียนในประเทศไทย

ตอนนี้การวิจัยเรื่องวัคซีนโควิด 19 ของหลาย ๆ ยี่ห้อ กำลังจะดูว่าสามารถที่จะฉีดวัคซีนให้กับผู้เยาว์อายุระหว่าง 12-16 ปี ได้หรือไม่ จากที่ปกติต้องฉีดให้กับบุคคลที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยตอนนี้มีเพียงบางยี่ห้อเท่านั้นที่ได้รับการยืนยันว่าสามารถฉีดให้ผู้เยาว์ที่มีอายุระหว่าง 12-16 ปี ได้ ซึ่งภาครัฐกำลังพิจารณานำเข้ามาเพื่อฉีดให้กับผู้เยาว์ในอันดับต่อไป  แต่สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีนั้น ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนตัวใดที่สามารถฉีดให้เด็กกลุ่มนี้ได้ ถึงแม้ว่าบางยี่ห้อจะกำลังคิดค้นวัคซีนให้เด็ก แต่ก็ยังอยู่ในขั้นของการพัฒนา ทำให้การจะฉีดวัคซีนให้นักเรียนซึ่งเป็นเด็กและเยาวชนนั้น อาจต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ทำให้พวกเขาเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญที่จะได้รับเชื้อ ดังนั้นผู้ทำงานใกล้ชิด รวมถึงคนในครอบครัว ควรที่จะฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันให้ทั้งตัวเองและเพื่อพวกเขา

ลดอัตราการติดเชื้อ ความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิต

ครูผู้สอน คือ ทรัพยากรที่สำคัญทางการศึกษา ซึ่งถ้าครูผู้สอนติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ย่อมส่งผลกระทบต่อการศึกษาเป็นวงกว้างได้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ การฉีดวัคซีนจะช่วยให้ครูผู้สอนมีโอกาสติดเชื้อน้อยลง และถึงแม้ว่าการฉีควัคซีนนั้นอาจไม่ได้ป้องกันโรคได้เต็มร้อยจนสามารถใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่ต้องล้างมือบ่อย ๆ หรือใช้หน้ากากอนามัย แต่ก็สามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคได้และทำให้เราไม่ได้อันตรายจากโรคมากนับเป็นการสร้างความมั่นใจกับผู้ปกครอง

 

อย่าลืมว่า การที่ผู้ปกครองให้บุตรหลานมาโรงเรียนนั้น เป็นความเชื่อใจและเชื่อมั่นในการทำงานของสถานศึกษาและการดูแลเอาใจใส่นักเรียนที่ดีของครูผู้สอน มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สถานศึกษาควรแสดงให้ผู้ปกครองเห็นถึงศักยภาพและความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ปกครองตัดสินใจที่จะส่งบุตรหลานมาเรียนในสถานศึกษานี้ และยิ่งในช่วงของการระบาดแบบนี้ การที่ให้ครูผู้สอนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 นั้น ย่อมการันตีและแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในด้านความปลอดภัยของสถานศึกษา ซึ่งช่วยให้ผู้ปกครองมีความมั่นใจมากขึ้น

 

ปัจจุบันหลาย ๆ ประเทศได้กำหนดให้กลุ่มของครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นอันดับต้น ๆ ในความสำคัญของการรับวัคซีนโควิด 19 เพราะถือว่าเป็นกลุ่มสำคัญที่มีผลต่อการพัฒนาด้านศึกษา มันจึงเป็นเรื่องที่ดีมาก ถ้าประเทศไทยกำหนดให้ครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาเป็นกลุ่มสำคัญอันดับแรก ๆ ที่ควรได้รับวัคซีนเฉกเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ เพราะนั่นคือการแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่จะทำให้การศึกษากลับไปสู่ภาวะได้เร็วที่สุด 

 

ดังนั้นถ้าต่อมามีคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ฉีดเถอะครับ เพื่อตัวท่านเอง เพื่อครอบครัว และเพื่อลูกศิษย์ที่น่ารักของเรา

 

 

เรียบเรียงโดย : นรรัชต์  ฝันเชียร

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Teacher
  • 127 Followers
  • Follow