โซเดียม คือ เกลือแร่ชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการควบคุมสมดุลน้ำและของเหลวในร่างกาย สามารถควบคุมระบบความดันโลหิต การทำงานของเซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อ ตลอดจนถึงการดูดซึมสารอาหารและเกลือแร่ในไตและลำไส้เล็ก จึงไม่แปลกอะไรที่โซเดียมจะมีความเกี่ยวข้องกับโรคความดันโลหิตและโรคไต เพราะเป็นสารอาหารที่มีผลกระทบกับทั้งสองโรคนี้โดยตรง
เราสามารถพบโซเดียมได้ในอาหารทั่ว ๆ ไป เช่น พวกเนื้อสัตว์ และอาหารที่มาจากธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ดี มนุษย์เรานอกจากจะรับโซเดียมจากวัตถุดิบโดยตรงแล้ว เรายังบริโภคโซเดียมในรูปแบบของเกลือแกง อาหารสำเร็จรูป วัตถุปรุงรส ตลอดจนถึงขนมกรุบกรอบหลากหลายชนิดอีกด้วย
จากรายงานของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่ได้ทำงานร่วมกับ สมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย และเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ภายใต้โครงการติดตามปริมาณโซเดียมในอาหารพร้อมบริโภคและกึ่งสำเร็จรูปเพื่อการรณรงค์ ลดเค็ม ลดโรค ได้มีการสุ่มสำรวจอ่านค่าฉลากโซเดียมกลุ่มขนมขบเคี้ยว จำนวน 400 ตัวอย่าง บนซองผลิตภัณฑ์ โดยสามารถสรุปออกมาเป็น 9 กลุ่มประเภทซึ่งได้ผลการสำรวจดังนี้
1. ประเภทมันฝรั่ง จำนวน 69 ตัวอย่าง มีปริมาณโซเดียมตั้งแต่ 80-1,080 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
2. ประเภทข้าวโพด จำนวน 20 ตัวอย่าง มีปริมาณโซเดียมตั้งแต่ 25 – 390 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
3. ประเภทข้าวเกรียบและขนมอบกรอบ จำนวน 104 ตัวอย่าง มีปริมาณโซเดียมตั้งแต่ 45 – 560 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
4. ประเภทสาหร่าย จำนวน 19 ตัวอย่าง มีปริมาณโซเดียมตั้งแต่ 0 – 510 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
5. ประเภทถั่วและนัต จำนวน 72 ตัวอย่าง มีปริมาณโซเดียมตั้งแต่ 5 – 380 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
6. ประเภทปลาเส้น จำนวน 36 ตัวอย่าง มีปริมาณโซเดียมตั้งแต่ 180 – 810 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
7. ประเภทแครกเกอร์และบิสกิต จำนวน 38 ตัวอย่าง มีปริมาณโซเดียมตั้งแต่ 45 – 230 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
8. ประเภทเวเฟอร์ จำนวน 27 ตัวอย่าง มีปริมาณโซเดียมตั้งแต่ 25 – 150 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
9. ประเภทคุกกี้ จำนวน 15 ตัวอย่าง มีปริมาณโซเดียมตั้งแต่ 65 – 220 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
โดยทั่วไปจะสามารถบริโภคโซเดียมสูงสุดโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ได้อยู่ที่ 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน และเมื่อเทียบเป็นเกลือป่นจะอยู่ที่ประมาณ 1 ช้อนชาหรือ 6 มิลลิกรัม ซึ่งตามปกติแล้วอาหารที่ได้จากธรรมชาติที่พวกเราบริโภคกันอยู่ทุกวันก็มีปริมาณโซเดียมที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันแล้ว การรับประทานอาหาร โดยเฉพาะจำพวกขนมขบเคี้ยวเป็นประจำและในปริมาณมาก ๆ จะก่อให้เกิดภาวะโซเดียมกินกว่ามาตรฐาน และส่งผลต่อการเสื่อมของไต ซึ่งมีหน้าที่หลักในการขับโซเดียมได้ และจะส่งผลให้เกิดโรคความดันโลหิตและโรคหลอดเลือดตามมา
ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงปริมาณโซเดียมของคนทั่วไปเท่านั้น ส่วนปริมาณโซเดียมสำหรับเด็ก พวกเขาอาจต้องการปริมาณโซเดียมที่น้อยกว่านี้มาก แต่ด้วยอัตราการรับประทานขนมขบเคี้ยวที่พวกเขาสามารถรับประทานได้พอ ๆ กับผู้ใหญ่ และบางครั้งก็มากกว่า พวกเขาจึงมีโอกาสที่จะเสี่ยงเป็นโรคไตและโรคความดันโลหิตได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก
วิธีอย่างหนึ่งที่น่าจะช่วยได้ในการป้องกันภาวะโซเดียมเกินความต้องการของร่างกาย คือ ก่อนที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารนั้นควรสังเกตฉลากข้อมูลโภชนาการทั้งแบบเต็มและแบบย่อ หรือ ฉลากโภชนาการแบบจีดีเอ (GDA : Guideline Daily Amount) ซึ่งจะระบุปริมาณสารอาหาร 4 ชนิด คือ พลังงาน (กิโลแคลอรี่) น้ำตาล (กรัม) ไขมัน (กรัม) และโซเดียม (มิลลิกรัม) บนหีบห่อผลิตภัณฑ์ให้ดี ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เราทราบปริมาณสารอาหารสำคัญในอาหารเหล่านี้ และสามารถคำนวณได้ว่าควรรับประทานเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมกับร่างกาย
นอกจากนื้ อีกสิ่งหนึ่งที่ควรสังเกตให้ดีคือ ปริมาณต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ซึ่งหมายถึง ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการบริโภค 1 ครั้ง โดยขนมบางชนิดอาจระบุให้แบ่งรับประทานหลายวัน เพื่อให้ได้ปริมาณโซเดียมตามที่ระบุ จึงควรสังเกตให้ดีและรับประทานอย่างเหมาะสม
จะว่าไปแล้วโซเดียมก็ไม่ใช่สารอาหารตัวเดียว ที่ถ้าได้รับในปริมาณที่มากเกินไปก็จะเกิดผลเสียต่อร่างกาย เพราะในบรรดาสารอาหารที่ระบุในฉลากโภชนาการนั้น ก็ล้วนมีผลกระทบต่อร่างกายแทบทั้งสิ้น มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรจะต้องสังเกตฉลากโภชนาการให้ดี เพื่อให้สามารถเลือกรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสมต่อร่ากาย
ปัจจุบันขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีปริมาณสารอาหารและขนาดที่เหมาะสมสำหรับเด็ก ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกให้กับผู้ปกครองในการเลือกให้เด็กรับประทานในเวลาว่างได้บ้าง แต่อย่างไรก็ดี ขนมขบเคี้ยวเหล่านี้ ก็ไม่ได้มีประโยชน์เท่ากับพวกผลไม้ตามฤดูกาลที่นอกจากจะมีรสหวานอร่อยแล้ว ยังมีวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ผู้ปกครองจึงควรเน้นให้เด็กรับประทานผลไม้ต่าง ๆ แทนขนมขบเคี้ยว ซึ่งจะมีเป็นสิ่งที่ประโยชน์ต่อเด็กมากกว่า
เรียบเรียงโดย : นรรัชต์ ฝันเชียร