3,336 Views
Favorite
การแพร่ระบาดที่รวดเร็วและเป็นวงกว้าง กลายเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับทุกคน ผนวกกับการแพร่ระบาดนี้เกิดขึ้นในช่วงก่อนที่จะมีเทศกาลสงกรานต์ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา ทำให้โอกาสในการแพร่เชื้อจากประชาชนที่เดินทางกลับนั้นมีโอกาสที่จะเป็นไปได้สูง และส่งผลให้การแพร่ระบาดนั้นมีการกระจายตัวมากขึ้น แม้ว่าภาครัฐจะดำเนินการปิดกั้นต้นตอของการระบาดในครั้งนี้ทั้งหมด โดยให้ปิดสถานบันเทิงเป็นเวลา 14 วัน แต่ก็มีผู้รับเชื้อที่ไม่ได้แสดงอาการอีกเป็นจำนวนมาก ที่ใช้ชีวิตปะปนอยู่กับคนอื่น ๆ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ แม้ว่าตลอดเวลาที่รับเชื้อจะป่วยเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีอาการป่วยใด ๆ แต่ก็สามารถแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นได้ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะควบคุมในเรื่องนี้โดยที่ยังคงไว้ซึ่งการใช้ชีวิตตามปกติ
คราวนี้เรามองลองพิจารณากันว่า ถ้าสมมุติว่าสถานการณ์โควิดในประเทศไทยนั้นยังคงเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลจนถึงขั้นที่โรงเรียนจะต้องปิดเป็นระยะเวลานาน ในส่วนของการดำเนินการด้านการศึกษา เราควรจะดำเนินการเช่นไร ถึงจะเหมาะสมและดีกว่าการจัดการในครั้งก่อน ๆ
ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดปัญหาจากโรคโควิด 19 หรือไม่ การจัดทำหลักสูตรสำหรับบทเรียนออนไลน์นั้นก็เป็นสิ่งจำเป็นที่โรงเรียนทุกแห่งจะต้องมีและจะต้องดำเนินการให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อที่จะเอาไว้ให้นักเรียนใช้เรียนรู้ในช่วงที่โรงเรียนจำเป็นต้องปิดเรียน ซึ่งอาจจะเกิดจากสถานการณ์อะไรก็ได้ และทำให้การศึกษาไม่หยุดชะงัก หรือมีไว้เพื่อให้นักเรียนศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการเรียนในชั้นเรียนก็ได้ โดยในโรงเรียนที่มีความพร้อม อาจจะจัดทำหลักสูตรและบทเรียนออนไลน์ที่เป็นแบบฉบับของสถานศึกษาเอง ส่วนสำหรับโรงเรียนขนาดเล็กหรือโรงเรียนที่ไม่มีความพร้อมในเรื่องนี้มากนัก หน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษาเหล่านี้ควรจะมีการจัดทำหลักสูตรและบทเรียนออนไลน์ที่เป็นแกนกลาง เพื่อให้สถานศึกษาเหล่านี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
การมีเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้แค่ในเวลาราชการอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไปสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ การเพิ่มช่องทางในการติดต่อจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ โรงเรียนควรมีช่องทางสำหรับการติดต่อกับผู้ปกครองและนักเรียนที่หลากหลาย โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสังคมออนไลน์และโปรแกรมแชทต่าง ๆ สำหรับให้เป็นช่องทางสื่อสารเพิ่มเติม รวมถึงจัดการให้มีผู้ดูแลที่สามารถให้ข้อมูลต่าง ๆ กับทั้งผู้ปกครองและนักเรียนได้อย่างถูกต้องในทุก ๆ เวลา (โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ในเวลาราชการ) เพราะในการติดต่อสื่อสารออนไลน์นั้นโรงเรียนต้องเป็นทั้งผู้ให้ข้อมูลและผู้รับข่าวสารด้วย เช่น ในกรณีที่ผู้ปกครองแจ้งว่าติดเชื้อ จะต้องแจ้งขั้นตอนที่ผู้ปกครองต้องปฏบัติให้ถูกต้อง และในขณะเดียวกันต้องแจ้งข่าวนี้กับคณะกรรมการบริหารหรือกลุ่มเฉพาะกิจที่โรงเรียนตั้งขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหานี้ เพื่อดำเนินการมาตรการป้องกันอย่างเหมาะสม นอกจากนี้การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ยังมีข้อดีตรงที่โรงเรียนสามารถประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่าง ๆ ให้กับนักเรียนและผู้ปกครองได้อย่างรวดเร็วและช่วยลดค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการประชาสัมพันธ์ได้อีกด้วย
ต้องยอมรับว่านโยบายการศึกษาต่าง ๆ ที่ไม่ประสบความสำเร็จในบ้านเรานั้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้ปฏิบัติคิดว่าเป็นปัญหามากกว่าที่จะมองว่าเป็นโอกาส ซึ่งเรื่องของการจัดการเรียนการสอนออนไลน์นี้ก็เช่นเดียวกัน มีครูผู้สอนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ของการจัดการเรียนการสอนออนไลน์และมองว่าเป็นภาระ ทั้ง ๆ ที่รูปแบบการเรียนการสอนออนไลน์นั้นกำลังกลายเป็นยุคสมัยใหม่ในโลกของการศึกษา เพราะไม่จำเป็นต้องเกิดสถานการณ์โควิด 19 ในอนาคต โรงเรียนต่าง ๆ ก็ต้องดำเนินอย่างจริงจังในเรื่องนี้อยู่ดี สถานการณ์โควิด 19 จึงเสมือนโอกาสสำคัญที่ช่วยเร่งให้ประเทศไทยดำเนินการด้านการเรียนการสอนออนไลน์มากขึ้น ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้สอนและผู้เรียนจะต้องตื่นตัวในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ในปัจจุบันเรื่องของเทคโนโลยีกับนักเรียนนั้น อาจไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่ก็มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาในเรื่องดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้พวกเขาไม่สามารถเรียนในระบบออนไลน์อย่างที่ควรจะเป็นได้ ครูผู้สอนควรตรวจสอบให้ดีว่านักเรียนของตัวเองนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ แล้วนำปัญหานี้มาปรึกษาคณะกรรมการบริหารของโรงเรียนหรือหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อการแนวทางช่วยเหลือ หรือหาแนวทางที่นักเรียนกลุ่มนี้สามารถเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม
ในกรณีที่โรงเรียนยังสามารถเปิดเรียนได้ตามปกติ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค การเลือกรูปแบบการเรียนรู้ในชั้นเรียนให้เหมาะสมนั้นเป็นเรื่องที่ทางโรงเรียนจะต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง การให้นักเรียนสลับกันมาเรียนภาคเช้ากับภาคบ่าย อาจจะเหมาะสมกับนักเรียนในวัยหนึ่ง แต่ก็อาจเป็นปัญหากับนักเรียนอีกวัยหนึ่ง ดังนั้นโรงเรียน ครูผู้สอน ผู้ปกครอง และนักเรียนจึงควรตัดสินใจร่วมกันในเรื่องนี้ เพราะหารูปแบบที่ลงตัวที่สุด
แม้ว่าตลอดมาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โรงเรียนและสถานศึกษาต่าง ๆ จะไม่ใช่ต้นตอของการแพร่ระบาด แต่ก็เป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้ เพราะอย่างไรเสียนักเรียนก็มีโอกาสติดเชื้อกจากผู้ปกครองหรือจากสถานที่อื่น ๆ ได้ หรือแม้แต่ตัวครูผู้สอนหรือผู้บริหารก็มีโอกาสที่จะรับเชื้อจากสถานที่อื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดที่รุนแรง โรงเรียนและสถานศึกษาต่าง ๆ ก็ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด โดยทุกคนในโรงเรียนจะต้องใส่หน้ากากให้ถูกวิธีตลอดเวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ล้างมือบ่อยครั้ง และเว้นระยะห่าง เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อ และในกรณีที่พบว่ามีนักเรียนหรือบุคลากรป่วยควรคัดแยก และให้กับไปพักฟื้นที่บ้าน พร้อมทั้งติดตามอาการอย่างเคร่งครัด เพราะหาแนวทางรับมืออย่างถูกต้องและเหมาะสม
แม้ว่าประเทศไทยจะเริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไปบ้างแล้ว แต่เมื่อเทียบกับจำนวนประชาชนในประเทศก็ต้องมองว่ายังมีจำนวนที่น้อยเกินกว่าที่เราจะเบาใจได้ และแม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้ว ก็ไม่ได้การันตีร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะไม่ป่วยเป็นโรคนี้ เพราะอย่าลืมว่าโรคโควิด 19 มีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นหลายสายพันธุ์ ซึ่งวัคซีนที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันอาจจะยับยั้งได้ไม่หมดทุกสายพันธุ์ หรือแม้แต่การรับวัคซีนเข้าไป เราก็อาจจะป่วยเนื่องจากผลกระทบของวัคซีนได้เช่นเดียวกัน มันจึงไม่ใช่เรื่องสมมุติเกินจริง ถ้าโรงเรียนและสถานศึกษาต่าง ๆ จะต้องปิดเป็นระยะเวลานานอีกครั้งเนื่องจากสถานการณ์ของโรคโควิด 1
ยังดีที่การระบาดระลอกนี้เกิดขึ้นในช่วงของการปิดภาคเรียนทำให้การจัดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนในการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น ไม่ได้กระทบกระเทือนมากนัก แต่ถ้าสถานการณ์นี้เกินควบคุมและลากยาวมาจนถึงช่วงใกล้เปิดภาคเรียน หรือ เกิดการระบาดอีกระลอกในช่วงเปิดภาคเรียน คราวนี้ล่ะ การศึกษาไทยจะมาอ้างว่าไม่พร้อมอีกไม่ได้แล้ว เพราะนับเป็นการเผชิญกับสถานการณ์นี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
เรียบเรียงโดย : นรรัชต์ ฝันเชียร
