เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลงเราจะพบว่าบางอย่างก็เข้ามาแบบกลมกลืนค่อยเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้า ๆ แต่บางอย่างก็อาจจะเปลี่ยนรูปแบบหรือระบบไปเลยเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด เช่น การเปลี่ยนแปลงระบบของธนาคารจากระบบปกติไปสู่ระบบธนาคารแบบ Internet Banking ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการทางการธนาคารแตกต่างจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง หรือการเปลี่ยนของระบบการซื้อสินค้าที่จากเดิมเราจะต้องซื้อสินค้าแบบ E-Commerce ที่เปลี่ยนรูปแบบการซื้อของไปเป็นรูปแบบออนไลน์ที่ไม่ต้องไปซื้อสินค้าถึงหน้าร้านก็สามารถสั่งของตามที่ต้องการได้ หรือแม้การเติบโตของธุรกิจเดลิเวอรี่ (Delivery) ทั้ง Food Panda หรือ Grab food หรือ LINE Man ที่เน้นบริการให้บริการส่งอาหารถึงบ้านผ่านการสั่งผ่านระบบออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดส่ง/จัดซื้อสินค้า โดยสรุปเราจะพบว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงเทคโนโลยีนวัตกรรมในยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 นั้นเราจะพบว่า เป็นการให้ความสำคัญกับการขยายและปรับเปลี่ยนระบบดิจิทัลไปอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือทุกเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่นั้นล้วนอาศัยและต่อยอดจากสมรรถนะและ/หรือเครือข่ายดิจิทัล โดยมีอินเทอร์เน็ตเป็นระบบนิเวศใหม่ที่สามารถสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นภายใต้พื้นฐานด้านความสามารถในการทำงานระหว่างกันทางดิจิทัล อีกทั้งในช่วงของสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาส่งผลให้การปรับเปลี่ยนรูปการใช้ชีวิต ในหลาย ๆ ด้านเปลี่ยนไปโดยจะเห็นได้ว่าระบบออนไลน์ได้เข้ามาปรับวิธีการใช้ชีวิต ของเราให้มันมีการเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น และแตกต่างไปจากเดิม ดังนั้นเทรนด์แรกที่ เราคัดเลือกมาเพื่อนำเสนอรายละเอียดและสะท้อนภาพของผลกระทบที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในโลกของการศึกษา คือ โลกออนไลน์อินเทอร์เน็ต และการเชื่อมต่อ
ดังนั้นก่อนที่เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับผลกระทบของโลกออนไลน์ อินเทอร์เน็ตและการเชื่อมต่อที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษาไทยว่ามีลักษณะอย่างไร เราจะต้องมาพิจารณาและทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับลักษณะเบื้องต้นของระบบการเชื่อมต่อออนไลน์/อินเทอร์เน็ตกันก่อนนั่นคือ เมื่อพูดถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในปัจจุบันเราจะพบว่าที่นิยมกันนั้นจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบใช้สาย (wire internet) และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย (wireless internet) ซึ่งในที่นี้เราจะให้ความสำคัญกับการพูดถึงเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายตัวใหม่ที่ ณ ตอนนี้ไม่พูดถึงไม่ได้คือ เทคโนโลยีสื่อสารเครือข่ายไร้สาย 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังจะก้าวเข้ามาแทนที่ระบบ 4G ที่เรากำลังใช้ในการเชื่อมต่อสื่อสารเครือข่ายไร้สายกันอยู่ในโลกปัจจุบัน ซึ่งจากความสำคัญของการก้าวเข้ามาในส่วนของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย 5G นั้น ในอนาคตเราจะไม่พูดถึงเพียงแต่ประเด็นการนำมาใช้ในส่วนของโทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่จะรวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีความสมาร์ทและสามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตและสื่อสารได้ด้วยตัวของมันเอง (Internet of Thing: IoT) อีกทั้งจากการเติบโตของเทคโนโลยีสื่อสารเครือข่ายไร้สาย Francois Rancy3 ยังได้มีการทำนายถึงแนวโน้มทิศทางของเทคโนโลยีสื่อสารเครือข่ายไร้สายไว้ 3 มิติคือ
1. เทคโนโลยีจะทำให้การสื่อสารเครือข่ายไร้สายมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยตัวอย่างที่น่าจะเห็นชัดเจนที่สุดคือ จำนวนของการดาวน์โหลดหรืออัพโหลดเอกสาร/งาน/วิดีโอ/รูปภาพทั้งหลาย หรือความเร็วในการสื่อสารกับปลายทางจะอยู่มีเวลาประมาณ Gigabytes in a second
2. การเพิ่มจำนวนของอุปกรณ์ที่สามารถทำการสื่อสารเชื่อมต่อระหว่างกันได้ในปริมาณที่มากขึ้น (การเติบโตของอุปกรณ์ smart device นั่นเอง)
3. ความแม่นยำทางการสื่อสารที่สูงมากขึ้นและ realtime มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการต่อยอดไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในตัวเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ต้องการความสมจริงหรือความแม่นยำของการส่งต่อสัญญาณที่เสถียรเช่น เทคโนโลยี AR/VR หรือเทคโนโลยีอัตโนมัติ ( Indus try automation) หรือรถยนต์ไร้คนขับที่ในอนาคตอาจจะสามารถโต้ตอบกับรถอีกคันและถนน (Smart Road) ผ่านเซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้ และมี 5G โอนข้อมูลหากัน ซึ่งช่วยลดอุบัติเหตุได้ด้วย ซึ่งถ้ายังใช้ 4G มีหวังกว่าจะรับส่งข้อมูลหากันได้ ก็อาจจะไม่ทันแจ้งเตือนอุบัติเหตุได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามเมื่อมีการพูดถึงเทคโนโลยี 5G นั้นในเบื้องต้นเราจะพบว่า เทคโนโลยีสื่อสารเครือข่ายไร้สาย 5G นั้นมีประโยชน์อย่างมากในสังคมปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
1. ความสามารถในการตอบสนองที่ไวขึ้น กล่าวคือ เราจะสามารถสั่งงานและควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วหรือแทบจะทันที เนื่องจากมีความหน่วงต่ำ ตอบสนองได้ไวถึง 1 ส่วน 1000 วินาที
2. ความเร็วในการส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ กล่าวคือ 5G มีความเร็วมากกว่า 4G ถึง 20 เท่า ซึ่งเร็วมากพอที่จะดูวิดีโอ 8K ออนไลน์แบบ 3 มิติ หรือดาวน์โหลดภาพยนตร์ 3 มิติ ได้ในภาย 6 วินาที
3. การขยายพื้นที่การเชื่อมต่อที่เพิ่มมากขึ้น กล่าวคือ ในส่วนของเทคโนโลยี 5G นั้นจะเปิดโอกาสให้เกิดการเชื่อมต่อที่หลากหลายในปริมาณที่มากขึ้นทั้งในส่วนของจำนวนคนและ/หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะในส่วนของจำนวนผู้ใช้งานนั้นได้มีการระบุว่าเทคโนโลยี 5G นั้นจะสามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 10 เท่า จากที่สามารถรับคนได้ราว 1 แสนคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม. กลายเป็น 1 ล้านคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม.
4. รองรับการรับ-ส่งข้อมูลได้มากกว่า โดยถ้าเป็น 4G จะสามารถ รับ-ส่ง ข้อมูลได้ราว 7.2 Exabytes ต่อเดือน แต่สำหรับ 5G จะเพิ่มขึ้นราว 7 เท่า หรือ 50 Exabytes ต่อเดือน
5. ประสิทธิภาพในเรื่องของการประหยัดพลังงาน หลายครั้งที่คนส่วนใหญ่มักเกิดความกังวลในแง่ที่ว่า ถ้าความเร็วของการรับ-ส่งข้อมูลมากขึ้น และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นด้วยนั้นจะมีผลกระทบต่อการใช้พลังงานในปริมาณที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตามพบว่า ในส่วนของเทคโนโลยีสื่อสารเครือข่าย 5G นั้นให้ความสำคัญกับการลดการใช้พลังงานลงอย่างน้อย 10% เมื่อเทียบกับการใช้เทคโนโลยี 4G แบบเดิม ๆ ในลักษณะการส่งข้อมูลที่คล้ายคลึงกันกล่าวโดยสรุปจะพบว่า ระบบ 5G ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นในการชมวิดีโอ ถ้ามีสัญญาณ 5G รองรับในการแสดงผล หมายความว่า คุณภาพในการรับชมวิดีโอก็จะคมชัดขึ้น มีความเสถียรขึ้น มีความสดของเหตุการณ์ ไม่มีความเหลื่อมล้ำของเวลาในการนำเสนอ เช่น การพูดคุยกันเวลาจะตรงกันเหมือนอยู่ที่เดียวกัน หรือในส่วนของการทำงาน การเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่บนโลกออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นภาพ วิดีโอ หรือไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ จะเข้าถึงได้ทันที การดาวน์โหลดหรืออัพโหลดในตัวไฟล์ต่าง ๆ จะเร็วมากกว่าเทคโนโลยี ยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยี 5G ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเชื่อมต่อจำนวนมากผ่านอินเตอร์เน็ต หรือที่เรียกกันว่า IoT อาทิ รถยนต์ไร้คนขับ การผ่าตัดได้จากระยะไกล หุ่นยนต์ในโรงงาน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่เร็วมากกว่าเทคโนโลยี 4G เกิน 10 เท่ารวมถึงมีการนำเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นโดยผสานระหว่างความเป็นจริงและโลกเสมือน (Augmented Reality: AR) และการจำลองสถานการณ์เสมือนจริง (Virtual Reality: VR) มาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การสำรวจภาคสนาม การสาธารณสุขทางไกล ความบันเทิง และส่งต่อข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการเข้าถึงการใช้งาน Cloud Computing ซึ่ง 5G จะช่วยพัฒนาศักยภาพของระบบค้าปลีก การซื้อของออนไลน์ รวมถึงการใช้งานต่าง ๆ ของออฟฟิศอัจฉริยะ (Smart Office) และนำไปสู่ระบบเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities)
ในอนาคตถ้าเรามีการนำเอาเทคโนโลยี 5G เข้ามาใช้ในระบบการศึกษา เมื่อถึงยุคการสื่อสารไร้สาย 5G ที่มีความรวดเร็วในการส่งข้อมูลมากกว่าและมีความหน่วงที่น้อยกว่า 4G จึงเป็น โอกาสของ “การเรียนรู้เสมือนจริง" ด้วยเทคโนโลยีความจริงเสมือน Augmented and Virtual Reality: เทคโนโลยี AR และ VR จะใช้ ฟังก์ชั่นการทำงานอย่างเต็มที่ของเครือข่าย 5G สามารถนำเสนอมุมมอง การรับชมแบบ 360 องศา พร้อมทั้งรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง ทำให้ผู้เรียนได้รับอรรถรสในการเรียนรู้ใกล้เคียงกับการรับชมในสถานที่จริง เทคโนโลยีนี้จึงมีศักยภาพในการยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ไปอีกขั้น ยิ่งไปกว่านั้นจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นหรือความเร็วที่สูงกว่า หมายถึง ประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับจากเนื้อหำจากวิดีโอดีได้ขึ้นทั้งในด้านความสมจริง ความคมชัด หรือความเร็วในการดาวน์โหลด การอัพโหลดในตัว Video Content (Faster Speed Means a Better User Experience with Video- Based Content) ด้วยคุณลักษณะของระบบ 5G จะทำให้ระบบการเรียน การสอนออนไลน์ดีขึ้น เช่น มีความคมชัดมากขึ้นในการสื่อสารด้วยภาพระหว่างครูกับนักเรียน การพูดคุยกันจะมีความเสถียรของข้อมูลหรือข้อความในการสื่อสารชัดขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย 5G ที่จะช่วยให้ระบบอินเตอร์เน็ตมีความแรง เร็วและชัดขึ้น ส่งผลให้การเรียนการสอนออนไลน์ของเรามีความเสถียรมากขึ้น นอกจากนี้ การทำงานนของระบบอัตโนมัติต่าง ๆ จะสามารถตอบสนองการสั่งงานได้เร็วขึ้น และสามารถทำงานที่ซับซ้อนได้มากขึ้นด้วย กล่าวโดยสรุป การเข้ามาของเทรนด์โลกออนไลน์ อินเทอร์เน็ต และการเชื่อมต่อจะส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษา ดังนี้
1. การจัดการเรียนการสอนออนไลน์จะมีความคมชัดมากขึ้น ส่งผลให้การเรียนรู้ของผู้เรียนมีความสมจริงมากขึ้น
2. กระบวนการจัดการเรียนรู้น่าสนใจมากขึ้น สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนได้มากขึ้น โดยเฉพาะการมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาต่าง ๆ ผ่านเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AR/VR
3. 5G ช่วยสนับสนุนในเรื่องของการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้โดยทันทีและรวดเร็ว (real time data collection and analysis) จะเห็นได้ว่า เทรนด์โลกออนไลน์ อินเทอร์เน็ต และการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย 5G จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการช่วยเพิ่มศักยภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้แบบเสมือนจริงให้กับผู้เรียนได้อย่างไร้ กฎเกณฑ์ทั้งในเรื่องของระยะทางและเวลา อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีมีทั้งด้านดีและด้านลบโดยเฉพาะประเด็นในเรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว (security and privacy issue) กล่าวคือ ยิ่งความสามารถรถในการเชื่อมต่อและส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันมีความรวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้นเท่าไรมันก็จะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นในส่วนของข้อความระวังในด้านความปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเมื่อระบบการสื่อสารไร้สาย 5G ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น การรู้เท่าทันข้อมูล (Data Literacy) บนโลกออนไลน์โดยเฉพาะในส่วนของความปลอดภัยและการเลือกใช้ข้อมูลอย่าง เหมาะสมจึงกลายเป็นทักษะสำคัญที่ต้องพัฒนาผู้เรียน หรือบุคคลทั่วไปเพื่อให้รู้เท่าทันข้อมูลออนไลน์ อันจะนำไปสู่การเลือกใช้ข้อมูลได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด