Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

10 วิธีป้องกันการจมน้ำในเด็ก

Posted By Plook Teacher | 10 เม.ย. 62
7,988 Views

  Favorite

นรรัชต์  ฝันเชียร

          ช่วงปิดเทอมแบบนี้ เด็ก ๆ มักจะออกไปทำกิจกรรมน่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการไปเรียนพิเศษ  การเข้าค่ายฤดูร้อน หรือออกไปเที่ยวเล่นตามสถานที่น่าสนใจ และหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตที่เด็ก ๆ มักจะไปกัน ก็คือ การไปว่ายน้ำเล่นที่ทะเล สระว่ายน้ำ หรือตามคูคลองต่าง ๆ ซึ่งมักจะเป็นกิจกรรมที่อยู่ในลิสต์ความสนใจของเด็ก ๆ อยู่เสมอ แต่แม้ว่าการว่ายน้ำจะเป็นกิจกรรมที่น่าสนุกเพียงไร รู้ไหมครับว่าในประเทศไทย การจมน้ำเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับ 1 ของเด็กไทยที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งสูงกว่าการเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อและโรคไม่ติดเชื้อ และสูงกว่าอุบัติเหตุจากการจราจรถึง 2 เท่า โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตถึงกว่า 84 ราย เลยทีเดียว

 

          สาเหตุของการจมน้ำที่เกิดกับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี นั้นมักมาจากการเผลอเรอของผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็ก จากการทำกิจกรรมต่าง ๆ  เช่น รับโทรศัพท์ ทำอาหาร หรือลืมปิดประตูบ้าน ทำให้เด็กเล็กสามารถออกไปเล่นน้ำตามแหล่งน้ำหรือภาชนะกักเก็บน้ำต่าง ๆ ทั้งในและนอกบริเวณบ้าน ด้วยความที่ทรงตัวไม่ดี ทำให้เด็กเล็กมีโอกาสพลัดตกลงไปในแหล่งน้ำต่าง ๆ ได้สูง และแม้กับภาชนะกักเก็บน้ำในบ้านก็มีโอกาสทำให้เด็กจมน้ำได้ จากการที่เด็กหัวทิ่มลงไปในภาชนะและไม่สามารถดันตัวเองขึ้นมาได้

 

          ส่วนในเด็กอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไปนั้น จะเกิดจากความซุกซนตามประสาของเด็กที่เริ่มโตและเริ่มออกไปเล่นนอกบ้าน โดยการจมน้ำมักเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็ก ซึ่งเกิดได้ทั้งเด็กที่ว่ายน้ำเป็นและว่ายน้ำไม่เป็น เด็กที่ว่ายน้ำเป็นมักจะคิดว่าตนเองว่ายน้ำได้แล้วจึงมักจะจมน้ำจากกระแสน้ำที่เชี่ยวเกินไปหรือการลงไปช่วยเพื่อนที่กำลังจะจมน้ำอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ส่วนเด็กที่ว่ายน้ำไม่เป็น มักจะจมน้ำจากความตื่นตระหนก ขาดทักษะ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งแหล่งน้ำที่พบเด็กจมน้ำคือแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่น บ่อขุดเพื่อการเกษตร คลอง แม่น้ำ บึงน้ำ เป็นต้น

 

ภาพ : pixabay.com

 

          เพื่อไม่ให้สถานการณ์เด็กจมน้ำมีอัตราที่สูงขึ้นมากไปกว่านี้ ผู้เขียนจึงรวบรวมวิธีการป้องกันการจมน้ำในเด็กไว้เป็นแนวทาง 10 ข้อ ดังนี้

          1. เทน้ำในภาชนะที่ไม่ใช้แล้วทิ้ง และปิดภาชนะกักเก็บน้ำด้วยฝาปิดที่สามารถล็อกได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโอกาสเสี่ยงที่เด็กเล็กจะจมน้ำเนื่องจากหัวทิ่มลงไปในภาชนะเหล่านั้นจนเป็นอันตราย

          2. ถ้าบ้านใกล้กับแหล่งน้ำต่าง ๆ ควรระมัดระวังในการปิดเปิดประตู ควรล็อกประตูหรือใช้ประตูที่เด็กไม่สามารถเปิดได้โดยง่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กออกไปใกล้แหล่งน้ำ ซึ่งมีโอกาสพลัดตกลงไปในแหล่งน้ำสูง

          3. ไม่ควรให้เด็กวิ่งเล่นในแปลงสวนไร่นาขนาดใหญ่ตามลำพังและไกลหูไกลตา เพราะส่วนใหญ่แปลงสวนไร่นาที่มีขนาดใหญ่มักจะมีบ่อกักเก็บน้ำหรือสระน้ำเพื่อการเกษตรอยู่ในพื้นที่ ซึ่งเด็กมีโอกาสพลัดหลงและตกไปในบ่อน้ำหรือสระน้ำได้

          4. ให้เด็กเรียนว่ายน้ำ การเรียนว่ายน้ำนอกจากจะดีต่อการเสริมสร้างพัฒนาการร่างกายแล้ว ยังมีประโยชน์เพราะช่วยให้เด็กว่ายน้ำเป็นและรู้จักเอาตัวรอดในน้ำ แต่อย่างไรก็ดีการที่เด็กว่ายน้ำเป็นก็ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าเด็กจะปลอดภัยจากการจมน้ำ เพราะแหล่งน้ำบางแห่งก็อันตรายเกินไป แต่การให้เด็กว่ายน้ำเป็นอย่างน้อยก็ช่วยให้เขาสามารถเอาตัวรอดได้ในระดับหนึ่ง

          5. การให้เด็กไปว่ายน้ำหรือเล่นน้ำตามแหล่งน้ำต่าง ๆ จะต้องมีผู้ใหญ่ที่ว่ายน้ำเป็นและรู้ว่าแหล่งน้ำแห่งใดเล่นได้หรือไม่ได้ไปด้วยเสมอ โดยผู้ใหญ่คนนั้นต้องทำหน้าที่ดูแลและให้คำแนะนำเรื่องความป้องกันทางน้ำให้เด็ก ๆ ได้ ต้องอยู่ในระยะที่สามารถเอื้อมถึงตัวเด็ก และสามารถช่วยเหลือเด็ก ๆ จากการจมน้ำได้อย่างถูกวิธีละทันท่วงที ซึ่งถ้าเป็นไปได้ควรพาเด็กๆไปว่ายน้ำในสระว่ายน้ำหรือชายทะเลที่มีไลฟ์การ์ดดูแลร่วมด้วยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

          6. การให้เด็กไปว่ายน้ำเล่นจะต้องมีอุปกรณ์ช่วยพยุงร่างกายติดตั้งไปด้วยเสมอ เช่น เสื้อชูชีพหรือห่วงยาง สำหรับให้เด็กใช้เวลาว่ายน้ำสำหรับเด็กที่ว่ายน้ำไม่แข็ง และเอาไว้เป็นเครื่องช่วยเหลือเวลาเกิดเหตุสุดวิสัย และควรให้เด็กเล่นน้ำในพื้นที่ที่จัดไว้เฉพาะสำหรับเด็ก

          7. ก่อนให้เด็กว่ายน้ำควรให้เขายืดกล้ามเนื้อและวอร์มร่างกายก่อนลงเล่นน้ำตามแหล่งน้ำต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายเป็นตะคริวซึ่งเป็นสาเหตุการจมน้ำลำดับต้น ๆ

          8. สอนให้เด็กใช้ยุทธวิธี “ตะโยน โยน ยื่น” ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ถูกต้องในการช่วยเหลือคนจมน้ำสำหรับเด็กและบุคคลทั่วไป คือ เมื่อพบเห็นเหตุการณ์จมน้ำ ให้ตะโกนเรียกคนอื่นมาช่วย ไม่ควรกระโดดลงไปช่วยเอง จากนั้นให้โยนสิ่งของที่ช่วยพยุงร่างกายให้คนที่จะจมน้ำยึดเกาะ เช่น ถังแกลลอนพลาสติกเปล่าปิดฝาสนิทหรือขวดน้ำพลาสติกเปล่าปิดฝาสนิท และสุดท้ายคือยื่นวัสดุที่ให้คนที่กำลังจมน้ำจับและสามารถฉุดดึงได้ เช่น ไม้ หรือเชือก เป็นต้น ซึ่งได้ดำเนินการทั้ง 3 ขั้นตอนนี้เด็กสามารถดำเนินการได้ แต่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยื่นสิ่งของให้ผู้ที่กำลังจมน้ำจับ เพราะอาจเกิดกรณีผู้ประสบภัยจับเชือกหรือไม้ได้แล้วกระชากทำให้เด็กพลัดตกลงไปในน้ำด้วยก็เป็นได้

          9. ควรให้เด็กร่วมถึงตัวเองใส่ชูชีพทุกครั้งเมื่อทำกิจกรรมหรือเดินทาง ทางน้ำ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น การพลัดตกเรือ เป็นต้น

          10. ผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการทำกิจกรรมหรือเดินทางทางน้ำ โดยการปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยของการลงเล่นน้ำตามแหล่งน้ำต่าง ๆ หรือปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยในการเดินทางทางน้ำ และไม่ไปเล่นน้ำในสถานที่หวงห้าม ซึ่งเป็นอันตราย โดยการที่ผู้ใหญ่เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กเช่นนี้ จะทำให้เด็กมีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามแนวทางที่เหมาะสมนั้นไปด้วย

 

ภาพ : pixabay.com

 

และนี่ก็คือ 10 วิธีที่น่าจะช่วยป้องกันเด็กจมน้ำได้บ้าง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ผู้ใหญ่คือผู้ที่แทบจะเป็นส่วนสำคัญในทุกข้อของการป้องกันเด็กจากอุบัติเหตุนี้ตามที่ได้นำเสนอ ดังนั้นเพื่อไม่ให้มีปัญหาเด็กจมน้ำเพิ่มขึ้น ผู้ใหญ่ทุกคนต้องช่วยกันสอดส่องดูแล ไม่เฉพาะลูกหลานของเรา แต่ต้องรวมถึงเด็กคนอื่นด้วย ควรสอนพวกเขาถึงการว่ายน้ำเล่นอย่างถูกวิธี แนะนำพวกเขาถึงแหล่งน้ำที่สามารถเล่นได้และที่ที่ไม่ควรเล่น ช่วยเหลือพวกเขาอย่างถูกวิธีและทันท่วงทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ อย่ามองว่าเป็นธุระไม่ใช่เลยครับ เพราะเด็กไทยทุกคนคือกำลังสำคัญของชาติในอนาคต เราทุกคนคงไม่อยากให้เด็กคนไหนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรหรอกจริงไหมครับ

 

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.thaihealth.or.th/Content/40792-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3.html

http://www.thaincd.com/2016/media-detail.php?id=13483&tid=37&gid=1-015-009

https://www.sanook.com/health/6465/

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Teacher
  • 127 Followers
  • Follow