วันนี้แม่แหม่มจึงจะมายกตัวอย่างของการเลี้ยงลูกในแบบต่าง ๆ ว่า จริง ๆ แล้วพฤติกรรมของลูกนั้นสามารถออกแบบได้ ตามสไตล์หรือวิธีการเลี้ยงดูที่เหมาะสมนั่นเอง
ลูกจะเติบโตมาเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจ และจิตใจไม่มั่นคง เนื่องจากขาดความรักและความเข้าใจ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ ซึ่งเด็กที่ขาดความมั่นใจ มักจะมีปัญหาเมื่อเติบโตขึ้น และต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม เด็กในกลุ่มนี้มักไม่กล้าแสดงความคิดเห็นของตนเอง และถูกชักจูงได้ง่าย นอกจากนั้นการที่ลูกมักถูกพ่อแม่ตำหนิตลอดเวลา จะทำให้ลูกกลายเป็นคนที่คอยมองหาแต่ข้อเสียของคนอื่น คอยจับผิดคนอื่น และไม่ใส่ใจต่อคุณค่า หรือความดีที่อยู่รอบตัว ทำให้มักไม่มีเพื่อนและมีปัญหาเมื่อต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น
และมีความสุขในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น สิ่งสำคัญก็คือ การชื่นชม และให้กำลัง เมื่อลูกทำสิ่งใดก็ตามที่เขาตั้งใจ และเป็นเรื่องที่ดี ถึงแม้เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม เมื่อลูกได้รับสิ่งนี้จากพ่อแม่อยู่บ่อยครั้ง ลูกจะมีความสุขและมีความมั่นใจ เมื่อต้องออกไปใช้ชีวิตในสังคม ลูกจะเรียนรู้ที่จะวางตัว และเป็นที่รักของผู้อื่นได้โดยง่าย
ลูกจะเป็นเด็กที่ยึดถือความต้องการของตนเองเป็นใหญ่ ใจร้อน ขาดความพยายามและอดทนรอคอย ส่งผลให้ขาดสมาธิและมักทำงานไม่สำเร็จ เพราะส่วนใหญ่เมื่อเกิดปัญหาจะมีพ่อแม่คอยปกป้อง และช่วยแก้ไขให้อยู่เสมอ อีกทั้งยังขาดความเคารพในสิทธิของผู้อื่น หรือกฎระเบียบส่วนรวม มักมีพฤติกรรมท้าทาย และขัดแย้งต่อกลุ่มหรือบุคคลที่ต้องเรียนหรือทำงานร่วมกัน
สิ่งแรกที่พ่อแม่ต้องสอนลูกก็คือ การสอนให้ลูกรู้จักให้ความรัก และความมีน้ำใจต่อผู้อื่นเสียก่อน โดยเริ่มได้ง่าย ๆ ภายในบ้าน ที่ต้องช่วยกันสร้างกฎระเบียบ และฝึกในเรื่องจิตอาสา ความมีน้ำใจ เช่น การช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในบ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยหล่อหลอมให้ลูกเป็นเด็กที่มีจิตใจดี และรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.