หลายคู่ที่เลิกกันไปอาจทำใจได้เร็วและเดินหน้าใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป แต่บางคนกลับลืมใครอีกคนไม่ได้และเฝ้าคิดถึงตลอดเวลาแม้ในยามหลับหรือตื่น และมีบ้างที่ต้องทรมานไปเป็นเดือนหรือเป็นปี ซึ่งเราก็รู้ดีว่าเวลาและการยอมรับว่าเราต่างก็จบกันไปแล้วจะเป็นตัวฉุดเราออกจากความเศร้าได้ (รู้...แต่มันทำไม่ได้) และยังมีวิธีอื่น ๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถผ่านช่วงเวลาเลวร้ายไปได้เร็วขึ้นด้วยนะ แต่ก่อนอื่นมาดูกันซิว่าเรื่องมันแล้วไปแล้วแต่ทำไมยังตัดใจไม่ได้ซักที
ไม่มีอะไรจะย้ำเตือนความเศร้าได้มากไปกว่าการเห็นรูปแฟนเก่าผ่าน Facebook หรือ Instagram เห็นเขากำลังยิ้มอย่างมีความสุขหรือเดินทางไปเที่ยวโดยที่ไม่มีคุณ แน่นอนว่าคุณยังคงคิดถึงเขาอยู่ทุกเวลาและยังอยากเห็นความเป็นไปแทบทุกฝีก้าว ในขณะเดียวกันความเศร้าก็เริ่มเกาะกินหัวใจ คุณเริ่มอยากรู้ว่าเขาไปไหนกับใคร หากคุณยังคงทำแบบนี้ต่อไปละก็...คุณจะไม่มีทางหลุดพ้นสถานการณ์นี้ได้เลย ต้องหัดห่วงตัวเองเสียบ้างและลองทำตามคำแนะนำดังนี้ดูดีกว่า
• ลบเขาออกไปจากโซเชียลมีเดียของคุณ (ชั่วคราวก็ได้ อันฟอลโลวหรือไฮด์ไว้ก่อน)
• บอกเพื่อนของคุณไว้ว่าไม่ต้องส่งอะไรเกี่ยวกับเขามาให้คุณอีก (อาจต้องสำทับว่าถึงชั้นจะขอก็อย่าส่งมานะ!)
• อดทนอดกลั้นที่จะไม่เข้าไปดูชีวิตของเขา
ทั้งที่ความจริงเขาไปเรียบร้อยแล้วแหละ...เหตุผลหลักที่หลายคนยังไม่สามารถเอาชนะความเศร้าได้ คือการที่เรายังไม่ยอมให้เขาออกไปจากชีวิตจริงๆ เสียที อาจเป็นเพราะคุณกลัวว่าชีวิตจะไม่เป็นเหมือนเดิมหากไม่มีเขาอยู่อีกแล้ว และมันก็ยากเหลือเกินในการลืมคนที่คุณรัก เป็นเรื่องง่ายที่จะบอกกับใครๆ ว่าคุณกล้าพอที่จะลบเขาจากความทรงจำ แต่พอเอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้ เพราะลึกๆ แล้วคุณก็ไม่อยากจบความสัมพันธ์กับเขาใช่ไหมล่ะ
• ใคร่ครวญกับตนเองเสียใหม่ คิดให้ตกว่าทำไมถึงกลัวที่จะปล่อยเขาไป แล้วจงยอมรับมัน
• อย่าปล่อยให้ตัวเองเศร้าจนเกินไป (พูดง่าย ทำยาก แต่อาจต้องลองดู)
• ในเมื่อไม่มีเขาแล้วคุณก็มีเวลาว่างสำหรับงานอดิเรกแล้วใช่ไหม ลองหางานอดิเรกที่คุณสนใจดูสิ
การที่คุณกำลังเปรียบเทียบตนเองกับคู่เดทของแฟนเก่า แล้วคิดไป (เอง) ว่าเขาดีกว่าคุณความจริงแล้วคุณน่ะเหมาะกับแฟนคุณมากกว่าต่างหาก...จงเตือนสติของตนเองว่าที่คุณกับเขาเลิกกันนั้นมันมีเหตุผลของมันอยู่แล้ว การเปรียบเทียบตนเองกับใครอีกคนมีแต่จะทำให้คุณหงุดหงิดและท้อใจจนไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เลย
• จงจำไว้ว่านี่คือชีวิตของคุณและทุกการตัดสินใจนั้นมาจากตัวคุณเองทั้งนั้น
• เตือนตัวเองเสมอเมื่อใดที่คุณเริ่มการเปรียบเทียบ
• ตระหนักถึงเหตุผลว่าทำไมคุณต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้
สิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่าการแอบส่องเขาตามโซเชียลมีเดีย คือการที่คุณยังคงคุยหรือส่งข้อความหาเขาอยู่ จำไว้ว่านี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เราอ่อนแอ!! บางทีคุณยังคงหวังอยู่ลึกๆ ว่าเอาน่ะ...เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็ได้ หรือดีไม่ดีกลับไปข้อข้างบน คุณน่ะหวังว่าเขาจะกลับมาด้วยซ้ำ แต่แท้จริงแล้ว การยังคงติดต่อกันอยู่นั้นยิ่งทำให้จิตใจคุณยิ่งโลเลและไม่ยอมก้าวไปข้างหน้าเสียที
• อยู่กับคนที่คุณรักและใช้เวลาที่มีอยู่กับพวกเขา
• ถามตนเองอย่างตรงไปตรงมาว่าเหตุใดคุณถึงยังติดต่อกับเขาอยู่
• เข้าใจเสียว่าการยุติความสัมพันธ์นั้นต้องมาจากการยอมรับของคุณเอง ไม่ใช่การรอคำตอบจากอีกฝาย
ในกรณีที่เลิกรากับไปด้วยเรื่องทำนองว่าจับได้ว่าแฟนแอบมีคนอื่น หรือเขาทำผิดร้ายแรงกับคุณ หรือคุณทำกับเขา เข้าใจละว่าสิ่งเหล่านั้นมักจะค่อยย้ำเตือนถึงความเสียใจหรือความสำนึกผิด คุณอาจอยากกลับไปแก้ไขให้เป็นเหมือนเดิม แต่เลิกกันแล้วก็คือเลิกกันแล้ว ถึงจะคิดวนเวียนแค่ไหนจริงๆ แล้วคุณก็รู้ดีใช่ไหมล่ะว่ามันเป็นไปไม่ได้
• ให้อภัยทั้งตนเองและเขาซะเถอะ เพราะเรื่องเหล่านั้นมันไปก็ผ่านไปแล้ว
• ใช้มันเป็นบทเรียนในการใช้ชีวิตและความสัมพันธ์ในอนาคต
• ถ้าอึดอัดอาจระบายเรื่องราวค้างคาใจกับคนสนิทดูบ้างก็ได้
ในขณะที่ออกไปทำงานหรือไปพบปะเพื่อนฝูง มันดูเหมือนว่าคุณเอาชนะความเศร้าไม่สนใจเขาก็ได้แล้ว แต่หากคุณกลับมาถึงบ้านเมื่อไหร่ ความเศร้าทั้งหมดที่หายไปมันจะกลับมาทันทีทันใดเพราะยังไม่ชินที่ต้องกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง การนั่งดูซีรีส์เรื่องที่เคยดูด้วยกันบนโซฟาตัวเดิมซึ่งบางครั้งมันก็ทำให้เหงาบางใช่ไหม เหงาตอนเลิกใหม่ๆ ก็เรื่องปกติ แต่ถ้าเหงาต่อเนื่องเป็นเดือนเป็นปี...อย่าไปบอกใครว่าลืมหมด ไม่สนไม่แคร์เขาแล้วนะ อาการแบบนี้แสดงว่ายังจำเขาขึ้นใจเลย
• ลองกลับไปคิดว่า ในระหว่างที่ยังคบกับเขาคุณเคยรู้สึกอยากอยู่คนเดียวบางหรือเปล่า อยากออกไปไหนมาไหนคนเดียวหรือทำอะไรตามใจบ้างไหม นี่เป็นโอกาสของคุณแล้ว ลองใช้ชีวิตตามใจดูบ้างแล้วมันจะทำให้คุณฟุ้งซ่านน้อยลง
• หลังเลิกงานลองออกไปแฮงเอาต์กับเพื่อนเสียบ้าง อย่านอนอยู่บ้านแบบหงอยๆ เลย
• เตือนตนเองไว้ว่าความรู้สึกเหงาเดี๋ยวก็มาเดี๋ยวก็ไป ไม่ต้องไปคิดมาก
มีรักก็มีเลิกเป็นเรื่องธรรมดา มีเรื่องดีก็เก็บไว้ เรื่องร้ายก็เก็บเอาไว้จำเป็นบทเรียนได้เช่นกัน ที่สำคัญกว่าอะไรหมดคือควรรู้ตัวว่าตอนนี้เรารู้สึกอย่างไร อย่าหลอกตัวเอง แล้วค่อยๆ ปรับใจปรับตัว ท้ายที่สุดแล้วเราก็จะสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้...เป็นกำลังใจให้จ้า