เริ่มต้นเข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่ปี 2549 กับผลงานการแสดงภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ผ่านมา 10 ปี นักแสดงสาวสวย “จ๊ะจ๋า พิมรตา เดชอุดม” ได้เป็นที่รู้จักในวงการบันเทิงอย่างกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งในแต่ละปีเธอมีผลงานการแสดงให้ได้พัฒนาฝีมือไม่ต่ำกว่า 3 เรื่องด้วยกัน แต่ถ้าย้อนกลับไปแรกเริ่มตอนที่เธอเข้าวงการมา เรื่องที่ทำให้เธอแจ้งเกิดในวงการนี้คงจะเป็นผลงานละครเรื่อง “น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์” ที่ตอนนั้นเธอสามารถแสดงบทบาทได้สดใสสมวัย
เก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านการทำงานมามากมาย จับงานมาแล้วแทบทุกรูปแบบ แต่ถ้ามานั่งนึกดูดี ๆ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจ๊ะจ๋าไม่เคยคิดจับไมค์ร้องเพลงให้ใครได้ยินเสียงของเธอเลย ซึ่งแน่นอนว่ารายการ The Mask Singer ซีซั่นที่ 1 ทำให้เธอได้เป็นส่วนหนึ่งของผู้เข้าแข่งขันภายใต้ "หน้ากากฟีนิกซ์" แม้เธอจะได้โชว์เสียงร้องเพียงแค่รอบเดียวของการแข่งขัน แต่นั่นก็ทำเอาคนดูถึงกับเซอร์ไพรส์ เพราะไม่คิดว่าจ๊ะจ๋าจะร้องเพลงได้ดีขนาดนี้
ล่าสุด Plook Entertain มีโอกาสได้สัมภาษณ์ถึงทักษะด้านการร้องเพลงของจ๊ะจ๋า เธอเผยว่า ไม่ใช่แค่คนดูหรือแฟนคลับเท่านั้นที่เซอร์ไพรส์ในเสียงร้องของเธอ ตัวเธอเองก็ตกใจตัวเองเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะร้องเพลงได้ คิดมาตลอดว่าเสียงของตัวเองเหมือนเป็ด เวลาร้องแล้วรู้สึกเขิน พอคนเริ่มให้กำลังใจหลังจากจบรายการตนก็เริ่มรู้สึกโอเคมากขึ้น
จริง ๆ จ๊ะจ๋า เรียนจากการที่เป็นนักแสดงละครเวทีอยู่แล้ว เพราะทุก ๆ ปี จ๊ะจ๋าจะเล่นละครเวทีอยู่แล้วปีละ 1 เรื่อง ซึ่งละครเวทีส่วนใหญ่แล้วจะเป็นละครเพลง ก็ต้องมีครูมาสอนเรื่องการออกเสียงสำหรับการร้องเพลงและการพูดบนเวที ซึ่งตรงนั้นมันก็มีส่วนช่วยเราเรื่องการใช้เสียงของเราด้วย แต่หลังจากนี้ตั้งใจว่าจะไปเรียนร้องเพลงอย่างจริงจัง
เร็ว ๆ นี้ค่ะ ก็จะมีผลงานเพลงให้ได้ฟัง เอาจริง ๆ ก็ยังไม่รู้ชื่ออะค่ะ แต่ก็เป็นการเริ่มคุยถึงคอนเซ็ปต์ เริ่มทำ แล้วก็เดี๋ยวจะต้องมีการนัดเข้าห้องอัด ส่วนเพลงที่ร้องตามอีเว้นท์ก็ยังต้องเจอกันอยู่เรื่อย ๆ ค่ะ
เป็นเพลงที่ทำงานกับโปรดิวเซอร์ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่รู้จักเลยค่ะ แต่ว่าเป็นโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียงมาก ๆ และก็เก่งมาก ๆ ในวงการเพลงบ้านเราอะค่ะ ก็ยังไงต้องติดตามนะคะ
บอกเลยค่ะว่าพี่จิ๊บมีส่วนช่วยอย่างมากค่ะ ทั้งเรื่องของเทคนิคการร้อง โดยเฉพาะเรื่องของกำลังใจ เขาจะบอกจ๊ะจ๋าตลอดว่า ไม่มีอะไรที่จ๊ะจ๋าทำไม่ได้ จ๊ะจ๋าทำได้ตั้งหลายอย่าง พิธีกรก็ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ก็ทำ การเล่นละครก็ไม่เคยเรียน แต่ก็แสดงได้ เพราะฉะนั้นเรื่องการร้องเพลงก็คืออีกอย่างหนึ่งที่เราพูดออกมาเป็นทำนองเท่านั้นเอง
ถ้าในปีนี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่มารบกวนการทำงานของเพลง อย่างเช่นการเรียน หรือว่าการทำละครหรือไปถ่ายรายการไกล ๆ ซึ่งมันทำให้เราไม่มีเวลาซ้อม ก็น่าจะได้ฟัง แต่ถ้าเกิดมีงานต่าง ๆ พวกนั้น ก็อาจจะเลทไปปีหน้า แต่ว่าไม่มีอะไรสายอยู่แล้วค่ะ