12 Views
1. โตมากับข้อมูลข่าวสารแบบเรียลไทม์
GEN Z คือกลุ่มที่เติบโตมากับโซเชียลมีเดีย เต็มไปด้วยข้อมูลการเงิน การลงทุน เคสคนสำเร็จ และโอกาสในการสร้างรายได้ ทำให้พวกเขาเห็นหลักฐานของความสำเร็จมากกว่าคนรุ่นก่อน
2. ต้องการอิสรภาพทางการเงินเร็วขึ้น
แนวคิด Work-life balance, การมีรายได้หลายทาง (Multiple Income Streams) และการไม่อยากเป็นหนี้นาน ๆ ทำให้ GEN Z ให้ความสำคัญกับการลงทุนตั้งแต่อายุน้อย
3.แรงบันดาลใจจากคอนเทนต์การเงิน
จะเห็นว่าตอนนี้มีทั้งเพจสอนลงทุน ยูทูบ ช่องการเงิน คลิป TikTok ที่แชร์ความรู้การเงินแบบเข้าใจง่าย ที่ต่างจากคนรุ่นก่อน ทำให้การลงทุนไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับชาว GEN Z อีกต่อไป
1. เริ่มต้นเร็ว
หลายคนลงทุนตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัย หรือเริ่มทำงานไม่นาน เพราะเชื่อว่าการเริ่มเร็ว = ได้เปรียบเรื่องเวลาและดอกเบี้ยทบต้น
2. กล้าเสี่ยงมากขึ้น (แต่มีเหตุผล)
GEN Z พร้อมทดลองสินทรัพย์ใหม่ เช่น หุ้นเติบโต, คริปโต, ETF สายเทคโนโลยี, สตาร์ทอัพ เพราะเข้าใจว่า “ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งรับความเสี่ยงได้มากกว่า”
3. มูฟไวตามสถานการณ์
GEN Z มักมีพฤติกรรมติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้ปรับพอร์ตไว ตัดขาดทุนไว และย้ายเงินตาม Trend ได้ทัน
1. ตั้งเป้าหมายการเงินที่ชัดเจน
- ต้องการเงินสำรอง
- ต้องการพอร์ตระยะยาว
- ต้องการซื้อบ้าน/รถ
- ต้องการเกษียณเร็ว
ยิ่งเป้าหมายชัดเจน = เลือกสินทรัพย์ได้ถูกต้อง
2. เริ่มจากสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำก่อน
เพื่อป้องกันการ “เจ็บตัวเร็วเกินไป” โดยเฉพาะกับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น ควรเริ่มจากสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำก่อน เช่น กองทุนรวมผสม, กองทุนรวมดัชนี (Index Fund), หุ้นปันผล, ETF และเมื่อมีประสบการณ์ความรู้เต็มที่แล้ว จึงขยับไปสินทรัพย์ที่เสี่ยงสูงขึ้นได้
3. ลงทุนเป็นประจำ (DCA)
การ DCA เหมาะมากกับ GEN Z เพราะใช้เงินน้อยก็เริ่มได้, ลดผลกระทบจากความผันผวน, สร้างวินัยทางการเงิน และเป็นวิธีที่สอดคล้องกับรายได้เริ่มต้นของวัยทำงานใหม่อย่างมาก
4. กระจายความเสี่ยง (อย่าทุ่มหมดหน้าตัก)
ควรลงทุนแบบแบ่งพอร์ตตามสัดส่วน เช่น 60% สินทรัพย์ความเสี่ยงกลาง-ต่ำ, 30% หุ้นเติบโต, 10% คริปโตหรือสินทรัพย์เสี่ยงสูง หลักการคือ “ถ้าผิดหนึ่งตัว ต้องไม่ทำให้ชีวิตพัง”
- ลงทุนตามกระแส : อย่าเชื่ออินฟลูเอนเซอร์ทั้งหมด โดยไม่ศึกษาข้อมูลเองเลย
- อารมณ์พาไป : อยากรวยเร็ว อาจทำให้พอร์ตพังมากกว่าได้เงิน
- ใช้เงินเกินตัว : อย่ากู้เงินมาลงทุน ถ้าเงินที่ใช้ลงทุน ดรอปลง 50% จะทำให้เราเครียดจนใช้ชีวิตไม่ได้
- ใช้เวลาสร้างผลตอบแทนได้ยาวกว่า
- ดอกเบี้ยทบต้นทำงานให้ตลอดเวลา
- เริ่มน้อยแต่โตเร็วตามเวลา
- รับความเสี่ยงได้มากกว่าในวัย 30–40
- เรียนรู้จากความผิดพลาดได้ก่อนใคร