12 Views
เจ้าหน้าที่ ตม. ต้องการคำตอบที่สั้น กระชับ และชัดเจน เช่น หากถูกถามว่า “What is the purpose of your visit?”
ควรตอบว่า
I’m here for vacation / business / visiting family.
ไม่ควรตอบยืดยาวหรืออธิบายเกินจำเป็น เพราะอาจทำให้เจ้าหน้าที่สงสัยว่า “คุณพยายามปิดบังบางอย่างหรือไม่”
แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำผิด แต่หากพูดด้วยน้ำเสียงแข็ง หงุดหงิด หรือไม่สบตาเจ้าหน้าที่ ก็อาจถูกมองว่าน่าสงสัย เจ้าหน้าที่ ตม. จะพิจารณาทั้ง “คำพูด” และ “ท่าทาง” ควบคู่กัน
คำแนะนำ
พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ ยิ้มเล็กน้อย และตอบด้วยความมั่นใจ เช่น Yes, officer. Here is my passport. สิ่งเหล่านี้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้มาก
ข้อผิดพลาดนี้ถือว่าร้ายแรงที่สุด เพราะถ้าเจ้าหน้าที่พบว่า “สิ่งที่พูดไม่ตรงกับข้อมูลในเอกสาร” เช่น วีซ่า, ที่พัก, ระยะเวลาพำนัก อาจถูกเรียกไปสอบถามเพิ่มเติมหรือปฏิเสธการเข้าประเทศได้ทันที
คำแนะนำ
ตรวจสอบข้อมูลในเอกสารก่อนเดินทาง เช่น ระยะเวลาพำนัก (ตามวีซ่า), สถานที่ทำงานหรือโรงเรียน, ชื่อโรงแรมที่พัก และตอบให้ตรงตามเอกสารทุกคำ
หลายคนพยายามพูดภาษาอังกฤษกับเจ้าหน้าที่ ตม. แต่กลับใช้คำผิด เช่น พูดว่า “I work holiday” แทนที่จะเป็น “I’m here for a working holiday.” ซึ่งอาจสร้างความสับสนได้
บางคนเผลอพูดเล่น หรือพูดไม่คิด เช่น “Maybe I’ll find a job here.” ซึ่งอาจทำให้เจ้าหน้าที่เข้าใจว่าคุณมีเจตนาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต
คำแนะนำ
หลีกเลี่ยงการพูดถึง “งาน”, “รายได้”, “ความสัมพันธ์ส่วนตัว” หรือ “ระยะเวลาพำนัก” ในเชิงล้อเล่น เพราะ ตม. ถือว่าเป็นเรื่องจริงจังเสมอ
แม้ว่าคุณจะพูดดีแค่ไหน แต่หากไม่มีเอกสารประกอบ เช่น ตั๋วขากลับ, ใบจองโรงแรม, หรือจดหมายเชิญจากนายจ้าง ก็อาจถูกซักถามเพิ่มเติม
คำแนะนำ
จัดเอกสารสำคัญใส่แฟ้มไว้ เช่น Passport, Visa, Return Ticket, Hotel Booking, Work Permit (ถ้ามี) และพร้อมยื่นให้เจ้าหน้าที่เมื่อถูกถาม
บางคนเมื่อ ตม. พูดภาษาอังกฤษเร็ว ก็พยายามตอบทันทีโดยไม่เข้าใจ ซึ่งอาจตอบผิดความหมายได้
คำแนะนำ
ถ้าไม่เข้าใจ ให้พูดสุภาพว่า Sorry, could you please repeat that? (ขอโทษครับ/ค่ะ ช่วยพูดอีกครั้งได้ไหม) เจ้าหน้าที่จะพูดซ้ำให้ช้าลงและชัดเจนขึ้น