การเตรียมตัวเข้าโรงเรียนนานาชาติ ไม่ได้มีแค่การสมัครหรือเตรียมเอกสารเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเตรียมพร้อมในทุกมิติ เพื่อให้เด็กสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว มาศึกษาสิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกเรียนโรงเรียนนานาชาติ
ภาษาอังกฤษเป็นหัวใจหลักของการเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ควรเตรียมพร้อมภาษาอังกฤษในระดับหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดความกังวลจนเกินไป
- เริ่มจากให้เด็กฝึกฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
- ดูหนัง ฟังเพลง หรืออ่านนิทานภาษาอังกฤษ
- หากมีเวลาควรให้ลูกเข้าเรียนคอร์สภาษาเพื่อเสริมพื้นฐานก่อนเปิดเทอม
โรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย หลัก ๆ จะแบ่งออกเป็น 3 หลักสูตร
- British Curriculum หลักสูตรอังกฤษ หรือที่รู้จักกันในชื่อหลักสูตรเคมบริดจ์ มีการสอนควบคู่ไปกับการให้เด็กได้ค้นหาด้วยตัวเอง หรือ Self-Study โดยจะเน้นวิชาหลักอย่างภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และประวัติศาสตร์ ที่มีการสอนตามหลักสูตร General Certificate of Secondary Education (GCSE)
- American Curriculum หลักสูตรอเมริกัน เน้นส่งเสริมให้ผู้เรียนคิดแบบมีเหตุผล มีความคิดสร้างสรรค์และเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยจะสอนทั้งวิชาการและกิจกรรมควบคู่กัน
- International Baccalaureate (IB) เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความเหมาะสมของแต่ละช่วงวัย ซึ่งจะพัฒนาความรู้ บุคลิกภาพ อารมณ์ ฝึกให้เด็กมีความคิดนอกกรอบ และเข้าใจบริบททางสังคม กลุ่มวิชาเรียน ได้แก่ ภาษาและวรรณกรรม, ทักษะการใช้ภาษา, ปัจเจกและสังคม, วิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์ และศิลปะ
ผู้ปกครองควรศึกษาความแตกต่างของแต่ละหลักสูตร เพราะจะส่งผลต่อแนวการเรียนและเส้นทางการศึกษาต่อในอนาคต เช่น เด็กที่อยากเรียนต่อในอเมริกาอาจเลือกหลักสูตร American Curriculum
หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน ย้ายเข้าโรงเรียนนานาชาติ คือ “ความพร้อมทางจิตใจ” เพราะเด็กจะต้องเผชิญกับสิ่งใหม่ ๆ เช่น
- สภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมด
- เพื่อนจากหลากหลายประเทศและวัฒนธรรม
- วิธีการเรียนที่ไม่เน้นท่องจำ แต่เน้นการอภิปรายและคิดวิเคราะห์
ผู้ปกครองควรพูดคุยกับลูกอย่างเข้าใจ อธิบายให้เห็นว่าความแตกต่างเหล่านี้คือ “โอกาสในการเรียนรู้” ไม่ใช่ “ความกลัว” เพื่อให้ลูกเปิดใจและพร้อมปรับตัว
โรงเรียนนานาชาติแต่ละแห่งมีกฎระเบียบที่แตกต่างกัน เช่น
- การแต่งกายและอุปกรณ์การเรียน
- เวลาการเข้าเรียนและกิจกรรมหลังเลิกเรียน
- นโยบายการบ้านและการสื่อสารกับผู้ปกครอง
สิ่งเหล่านี้อาจดูเล็กน้อย แต่เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เด็กปรับตัวได้เร็วขึ้น
แม้ลูกจะเรียนในโรงเรียนนานาชาติ แต่การสนับสนุนจากบ้านก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ ควรปรับเตรียมสภาพแวดล้อมที่บ้าน ดังนี้
- จัดเวลาพูดคุยกับลูกเป็นภาษาอังกฤษในบางช่วง
- สนับสนุนให้ลูกอ่านหนังสือหรือดูสารคดีภาษาอังกฤษ
- ให้กำลังใจเมื่อลูกรู้สึกท้อจากการเรียนในระบบใหม่
1. บรรยากาศการเรียนที่แตกต่าง
โรงเรียนนานาชาติเน้นให้เด็กมีส่วนร่วมในห้องเรียนมากกว่าระบบไทย เด็กจะถูกชวนให้ตั้งคำถาม แสดงความคิดเห็น และทำกิจกรรมกลุ่มอยู่บ่อย ๆ เด็กควรรู้ว่า “ไม่มีคำตอบผิด” ในห้องเรียนอินเตอร์สิ่งสำคัญคือ การกล้าคิดและกล้าพูด
2. การบ้านและการประเมินผล
การบ้านของโรงเรียนนานาชาติจะไม่ใช่การท่องจำ แต่เป็นการคิดวิเคราะห์ เช่น เขียนเรียงความ ทำรายงาน หรือทำโครงงานวิจัยย่อย ๆ คะแนนจะถูกประเมินจากการมีส่วนร่วมในห้องเรียน การทำงานกลุ่ม และพฤติกรรมในชั้นเรียนด้วย
3. กิจกรรมเสริมหลากหลาย
นอกจากการเรียนในห้องโรงเรียนนานาชาติยังมีกิจกรรมมากมาย เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ หรือชมรมความสนใจเฉพาะทาง เพื่อพัฒนาทักษะรอบด้าน เด็กควรรู้ว่าการเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ไม่ใช่แค่เล่นสนุก
4. การปรับตัวในช่วง 3 เดือนแรก
หลังจากย้ายเข้าโรงเรียนนานาชาติ เด็กส่วนใหญ่มักต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-3 เดือนในการปรับตัว สิ่งที่อาจเกิดขึ้นในช่วงแรก ได้แก่
- เด็กบางคนอาจรู้สึกเหงาหรือไม่มั่นใจเพราะใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา
- อาจรู้สึกเรียนยากขึ้น เพราะเนื้อหาและวิธีสอนแตกต่างจากเดิม
- อาจยังไม่สนิทกับเพื่อนในทันที
สิ่งที่ผู้ปกครองควรทำ
- พูดคุยกับลูกทุกวัน ถามไถ่ความรู้สึก ไม่กดดัน
- หากลูกมีปัญหา ให้ติดต่อครูที่ปรึกษา เพราะโรงเรียนนานาชาติส่วนใหญ่มีระบบดูแลนักเรียนใหม่โดยเฉพาะ
- ให้เวลาเด็กปรับตัวด้วยตนเอง โดยไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น