Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เรียนรู้อย่างไรให้เข้าใจเร็วและจำได้นาน

Posted By channi kang | 29 ส.ค. 68
62 Views

  Favorite

ในโลกที่ข้อมูลหมุนเวียนรวดเร็ว ความสามารถในการเรียนรู้ให้ เข้าใจเร็วและจำได้นาน กลายเป็นทักษะสำคัญที่คนยุคใหม่ต้องมี ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานที่ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ การเรียนรู้แบบเร่งรัดโดยไม่เข้าใจ หรือจำได้แต่ไม่นาน มักทำให้เกิดความเครียดและเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจหลักการและวิธีเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ที่ทั้งช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ลึก และจดจำได้ยาวนานกว่าที่เคย

 

เข้าใจ “สมอง” ก่อนจะเริ่มเรียนรู้

ก่อนจะเริ่มปรับวิธีการเรียนรู้ สิ่งสำคัญคือการเข้าใจพื้นฐานการทำงานของสมอง สมองของคนเราจะเชื่อมโยงข้อมูลใหม่เข้ากับข้อมูลเก่า หากข้อมูลใหม่นั้นสอดคล้องกับความรู้เดิม หรือมีบริบทชัดเจน โอกาสในการจดจำก็จะมากขึ้น นอกจากนี้การทำซ้ำแบบมีความหมาย (meaningful repetition) การพักสมองอย่างเหมาะสม และการเชื่อมโยงผ่านภาพหรือเรื่องราว ล้วนมีผลต่อการเรียนรู้ระยะยาว

เทคนิค Feynman อธิบายให้คนอื่นฟัง

หนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยม คือ “Feynman Technique” ซึ่งเน้นให้เรานำสิ่งที่เรียนรู้มาอธิบายให้ผู้อื่น (หรือแม้แต่กับตัวเอง) ด้วยภาษาง่าย ๆ การอธิบายด้วยถ้อยคำของตัวเองจะเผยให้เห็นว่าเราเข้าใจจริงหรือไม่ หากติดขัดตรงไหน แสดงว่าส่วนนั้นคือจุดที่ต้องกลับไปทบทวน

Active Learning เรียนรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์

การเรียนรู้ที่ได้ผลมากที่สุดไม่ใช่การนั่งอ่านหรือฟังเฉย ๆ แต่คือการมีส่วนร่วม เช่น การตั้งคำถามกับสิ่งที่อ่าน, การจดโน้ตแบบแผนผัง (Mind Map), การสอนผู้อื่น, การทำแบบฝึกหัด หรือฝึกคิดจากโจทย์จริง Active Learning ทำให้สมองประมวลผลมากขึ้น และยิ่งใช้หลายประสาทสัมผัสร่วมกัน (ฟัง พูด เขียน อ่าน) ยิ่งช่วยให้จดจำได้ดีขึ้น

ทบทวนแบบ Spaced Repetition

หลายคนอ่านหนังสือรอบเดียวแล้วหวังว่าจะจำได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด การทบทวนแบบเว้นระยะ (Spaced Repetition) คือเทคนิคที่มีงานวิจัยสนับสนุนว่าได้ผลดีเยี่ยม เช่น ทบทวนหลังเรียน 1 วัน, 3 วัน, 7 วัน และ 1 เดือน จะช่วยสร้างการจำระยะยาว และลดการลืมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จัดการพลังสมองด้วย Pomodoro

เทคนิค Pomodoro คือการแบ่งเวลาอ่านหนังสือหรือทำงานเป็นช่วง ๆ เช่น 25 นาทีเรียน + พัก 5 นาที ทำ 4 รอบแล้วพักยาว 15–30 นาที เทคนิคนี้ช่วยลดความล้าทางสมอง และกระตุ้นให้มีสมาธิในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างเข้มข้น เป็นมิตรต่อการเรียนรู้ระยะยาว

สภาพแวดล้อมก็สำคัญ

การเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคนิคเพียงอย่างเดียว สภาพแวดล้อมที่สงบ มีแสงธรรมชาติ หรือมีเสียงดนตรีเบา ๆ ก็ช่วยให้การจดจ่อดีขึ้น หลีกเลี่ยงมือถือหรือสิ่งรบกวนขณะเรียนจะช่วยให้สมองโฟกัสกับสิ่งที่ทำได้เต็มที่

เชื่อมโยงกับชีวิตจริง

การเรียนรู้ใด ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้ทันที เช่น การเรียนภาษาแล้วนำไปพูดกับเพื่อน หรือการเรียนรู้เรื่องการเงินแล้วลองทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย จะช่วยเสริมความเข้าใจและความจำได้ดียิ่งขึ้น เพราะสมองจะให้ความสำคัญกับข้อมูลที่ "มีประโยชน์" มากกว่าข้อมูลที่ไร้บริบท

พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับมีผลโดยตรงต่อกระบวนการจดจำ สมองจะจัดเก็บและจัดระบบข้อมูลที่ได้เรียนรู้ในช่วงเวลานอน การอดนอนจะลดความสามารถในการจำและการคิดอย่างมีเหตุผล ดังนั้นควรนอนให้ได้ 6–8 ชั่วโมงต่อวัน และอย่าเรียนข้ามคืนเป็นประจำ

สรุปเนื้อหาเพื่อจำแม่น

ก่อนจบการเรียนในแต่ละครั้ง ควรเขียนสรุปใจความสำคัญด้วยคำของตนเอง หรือวาดแผนผังเชื่อมโยงเนื้อหา จะช่วยให้เราทบทวนในเวลาอันสั้น และจำได้แม่นมากขึ้นในภายหลัง

 

 

การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การอ่านให้มาก หรือจำให้เยอะ แต่คือการเรียนอย่างเข้าใจ ฝึกคิด วิเคราะห์ และเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนกับโลกจริง พร้อมทั้งรู้จักวิธีทบทวนอย่างถูกจังหวะ เมื่อปรับใช้เทคนิคเหล่านี้ได้อย่างสม่ำเสมอ คุณจะกลายเป็นคนที่เรียนรู้ได้เร็วขึ้น จำได้แม่นยำขึ้น และสามารถนำความรู้ไปใช้จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • channi kang
  • 0 Followers
  • Follow