งานที่เหมาะกับการเป็น Digital Nomad มักเป็นงานออนไลน์ เช่น
- งานสายเขียน (Copywriter, Blogger)
- งานสายออกแบบกราฟิก
- โปรแกรมเมอร์หรือเว็บดีไซเนอร์
- ครูสอนภาษาออนไลน์
- นักการตลาดออนไลน์
แม้จะทำงานได้จากทุกที่ แต่เราก็ต้องมีแผนการเดินทางที่ไม่กระทบเวลาทำงาน เช่น
- เลือกเที่ยวช่วงนอกเวลางาน
- วางแผนการเดินทางล่วงหน้า
- จัดสรรเวลาสำหรับงานให้แน่นอน เช่น ทำงาน 9 โมงถึงบ่าย 3 แล้วเที่ยวต่อได้
ไม่ใช่ทุกที่พักจะเหมาะกับ Digital Nomad สิ่งที่ควรพิจารณาควรมี ดังนี้
- อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
- บรรยากาศเงียบสงบ
- มีโต๊ะทำงาน / Co-working space
- ใกล้ร้านอาหารหรือคาเฟ่ที่มีปลั๊กไฟ
เครื่องมือที่ช่วยให้ทำงานจากระยะไกลได้มีประสิทธิภาพ เช่น
- Google Workspace (Docs, Meet, Sheets)
- Trello หรือ Asana สำหรับการจัดการโปรเจกต์
- Zoom หรือ Microsoft Teams สำหรับประชุม
- VPN สำหรับความปลอดภัยเมื่อใช้งาน Wi-Fi สาธารณะ
จุดหมายยอดนิยมในไทยและต่างประเทศที่เหมาะสำหรับสายทำงานไปเที่ยวไป ได้แก่
- เชียงใหม่ : มีคาเฟ่และ Co-working space มากมาย
- เกาะพะงัน : วิวสวย อินเทอร์เน็ตแรง
- แม่ฮ่องสอน : เงียบสงบ เหมาะกับสายโฟกัสงาน
- บาหลี, เวียดนาม, โปรตุเกส : เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของ Digital Nomad ระดับโลกเลยก็ว่าได้
อย่าลืมว่าเป้าหมายของ Digital Nomad คือ การมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะฉะนั้นต้องรู้จักบาลานซ์ชีวิต เช่น
- หากทำงานต่อเนื่อง ต้องหยุดพักสายตาเป็นระยะบ้าง สัก 5 - 10 นาที
- จัดทริปวันหยุดเล็ก ๆ เพื่อฮีลใจ อาจเริ่มจากสถานที่ใกล้ ๆ เดินทางไม่ไกล 2 - 3 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย