Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

สิทธิของผู้บริโภค สิ่งที่คุณควรรู้เพื่อปกป้องตนเอง

Posted By Kung_nadthanan | 03 มี.ค. 68
511 Views

  Favorite

 

ปัจจุบัน สิทธิผู้บริโภค เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรทำความเข้าใจ เพราะมีบทบาทโดยตรงในการคุ้มครองเราในฐานะผู้ซื้อสินค้าและบริการ หากเราไม่รู้สิทธิของตนเอง อาจตกเป็นเหยื่อของการเอาเปรียบจากผู้ประกอบการได้ กฎหมายผู้บริโภคถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อสร้างความเป็นธรรม และให้แน่ใจว่าผู้บริโภคได้รับการปกป้องจากสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม

 

สิทธิผู้บริโภค มีอะไรบ้าง ?

สิทธิพื้นฐานของผู้บริโภค สามารถแบ่งออกเป็น 8 ประการ ได้แก่

1. สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัย

ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับสินค้าและบริการที่ไม่มีอันตรายต่อชีวิต สุขภาพ หรือทรัพย์สินของตนเอง โดยผู้ประกอบการต้องตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน หากพบว่าสินค้าหรือบริการมีข้อบกพร่องที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ผู้บริโภคสามารถร้องเรียน หรือเรียกร้องค่าชดเชยได้

 

2. สิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ

ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสินค้และบริการที่ถูกต้อง ครบถ้วน และไม่บิดเบือน เช่น รายละเอียดสินค้า ส่วนประกอบ วิธีใช้ ผลข้างเคียง วันหมดอายุ และราคาที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถตัดสินใจซื้อ หรือใช้บริการได้อย่างเหมาะสม

 

3. สิทธิในการเลือกสินค้าและบริการ

ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากตัวเลือกที่หลากหลาย โดยไม่มีการบังคับหรือผูกขาด ผู้ขายต้องไม่ใช้กลยุทธ์ที่ไม่เป็นธรรม เช่น การตั้งราคาสินค้าสูงเกินจริง หรือการจำกัดทางเลือกของผู้บริโภค

 

4. สิทธิในการแสดงความคิดเห็นและร้องเรียน

ผู้บริโภคมีสิทธิแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าและบริการ รวมถึงร้องเรียนหากได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เช่น สินค้าชำรุด บริการไม่เป็นไปตามที่โฆษณา หรือการถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ

 

5. สิทธิในการได้รับการชดเชยเมื่อได้รับความเสียหาย

หากสินค้าและบริการก่อให้เกิดความเสียหาย ผู้บริโภคสามารถเรียกร้องค่าชดเชย หรือขอเปลี่ยนสินค้าได้ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงการคืนเงิน การซ่อมแซมหรือการเปลี่ยนสินค้าใหม่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

 

6. สิทธิในการได้รับการศึกษาเกี่ยวกับผู้บริโภค

ผู้บริโภคควรได้รับข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของตนเอง รวมถึงแนวทางการบริโภคที่ปลอดภัย และมีความรับผิดชอบ เช่น การอ่านฉลากสินค้า การตรวจสอบวันหมดอายุ และการใช้ผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำ

 

7. สิทธิในการมีชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ดี

ผู้บริโภคมีสิทธิใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจากมลพิษ หรือสารอันตราย โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดูแลให้สินค้าหรือบริการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ในขอบเขตที่ปลอดภัย

 

8. สิทธิในการรวมกลุ่มเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภค

ผู้บริโภคสามารถรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิหรือปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง เช่น การจัดตั้งสมาคมผู้บริโภค หรือการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ไม่เป็นธรรม

 

กฎหมายผู้บริโภคที่สำคัญในประเทศไทย

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ การคุ้มครองผู้บริโภค ในประเทศไทย มีดังนี้

1. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

เป็นกฎหมายหลักที่กำหนดสิทธิของผู้บริโภค และบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรม และสามารถร้องเรียนได้เมื่อถูกละเมิดสิทธิ

 

2. พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545

ควบคุมธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง เพื่อป้องกันการหลอกลวง หรือการโฆษณาเกินจริงที่อาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด

 

3. พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522

กำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยของอาหาร การติดฉลาก และการโฆษณาอาหาร เพื่อปกป้องสุขภาพของผู้บริโภค

 

4. พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510

ควบคุมการผลิต นำเข้า จำหน่าย และโฆษณายา เพื่อให้มั่นใจว่ายาที่จำหน่ายในประเทศไทยมีคุณภาพ และปลอดภัยต่อผู้บริโภค

 

5. พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560

ป้องกันการผูกขาดลดพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมในตลาด และส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม

 

6. พระราชบัญญัติสินค้าหรือบริการที่เป็นอันตราย พ.ศ. 2551

กำหนดให้สินค้าหรือบริการที่อาจเป็นอันตรายต้องผ่านการตรวจสอบก่อนวางจำหน่าย

 

7. พระราชบัญญัติธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544

ควบคุมการซื้อขายออนไลน์ และธุรกรรมทางดิจิทัล เพื่อป้องกันการหลอกลวง และคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

 

 

วิธีปกป้องสิทธิผู้บริโภค

ผู้บริโภคสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้ โดยการปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้

1. ศึกษาข้อมูลสินค้าหรือบริการก่อนซื้อ

- อ่านฉลากสินค้า ตรวจสอบส่วนประกอบ และเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจซื้อ

- ตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า โดยเฉพาะสินค้าออนไลน์ ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือ

 

2. เลือกซื้อสินค้าจากแหล่งที่มีมาตรฐาน

- ควรซื้อสินค้าจากร้านค้าที่มีมาตรฐาน เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าที่ได้รับการรับรอง หรือมีตราสัญลักษณ์มาตรฐาน

- หลีกเลี่ยงสินค้าปลอมแปลง หรือสินค้าที่ไม่มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพ

 

3. รักษาหลักฐานการซื้อขาย

- เก็บใบเสร็จรับเงิน หรือหลักฐานการชำระเงินเพื่อใช้ในการเรียกร้องสิทธิหากเกิดปัญหา

- สำหรับสินค้าราคาสูง ควรขอเอกสารรับประกันสินค้า

 

4. หลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาหลอกลวง

- อย่าเชื่อโฆษณาที่เกินจริง หรือไม่ได้ให้ข้อมูลที่ครบถ้วน เช่น คำโฆษณาว่า "ลดน้ำหนักได้ภายใน 3 วัน" อาจเป็นการโฆษณาเกินจริง

- ตรวจสอบเลขจดแจ้ง อย. และรีวิวจากผู้ใช้จริงก่อนตัดสินใจซื้อ

 

5. ใช้สิทธิร้องเรียนเมื่อถูกเอาเปรียบ

- หากพบว่าสินค้าหรือบริการไม่ได้มาตรฐาน สามารถร้องเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

- สามารถแจ้งความ หรือฟ้องร้องเพื่อขอความเป็นธรรมได้หากได้รับความเสียหาย

 

6. เข้าร่วมกลุ่ม หรือองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค

มีหลายองค์กรที่ช่วยเหลือผู้บริโภค เช่น มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หรือสมาคมคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ที่สามารถให้คำปรึกษา และช่วยดำเนินการร้องเรียน

 

7. ระมัดระวังธุรกรรมออนไลน์

- ควรใช้แพลตฟอร์มที่มีมาตรการคุ้มครองผู้ซื้อ เช่น Shopee, Lazada, หรือแพลตฟอร์มที่มีระบบคืนเงิน และรีวิวจากลูกค้า

- หลีกเลี่ยงการโอนเงินโดยตรงไปยังผู้ขายที่ไม่น่าเชื่อถือ

 

สิทธิผู้บริโภค กฎหมายผู้บริโภคและการปกป้องสิทธิ เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรรู้เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบ การมีความรู้เกี่ยวกับสิทธิพื้นฐาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด และปกป้องตนเองจากการได้รับสินค้าหรือบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน หากพบปัญหาอย่าลังเลที่จะใช้สิทธิของตนเองเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

 

ข้อมูลอ้างอิง

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

สภาองค์กรของผู้บริโภค

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow