Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

คำนวณเกรด

Posted By Plook TCAS | 31 ก.ค. 67
2,112 Views

  Favorite

          การคำนวณเกรดเป็นสิ่งสำคัญที่นักศึกษามหาวิทยาลัยควรเข้าใจ เพราะเป็นตัวชี้วัดผลการเรียนและสามารถใช้เป็นข้อมูลสำหรับการวางแผนการศึกษาในอนาคตได้อย่างแม่นยำ การรู้วิธีคำนวณเกรดจะช่วยให้นักศึกษาเข้าใจผลการเรียนของตนเองและมีความรับผิดชอบต่อการเรียนมากขึ้น

 

1. ระบบการให้เกรดในมหาวิทยาลัย

ในมหาวิทยาลัย เกรดของแต่ละรายวิชาจะถูกคิดเป็นเกรดเฉลี่ย (Grade Point Average - GPA) ซึ่งจะมีการให้คะแนนเป็นเกรดต่างๆ โดยส่วนใหญ่ระบบการให้เกรดในมหาวิทยาลัยจะเป็นดังนี้

A (ดีเยี่ยม) = 4.0

B+ (ดีมาก) = 3.5

B (ดี) = 3.0

C+ (พอใช้มาก) = 2.5

C (พอใช้) = 2.0

D+ (ต่ำกว่าพอใช้) = 1.5

D (ต่ำ) = 1.0

F (ไม่ผ่าน) = 0.0

เกรดเหล่านี้จะถูกนำมาคิดเป็นค่าเฉลี่ยสะสม (GPA) ของทั้งเทอม หรือทั้งหลักสูตรการศึกษา

 

2. วิธีคำนวณเกรดเฉลี่ย (GPA)

การคำนวณเกรดเฉลี่ยในมหาวิทยาลัยใช้หลักการคำนวณที่เรียกว่า เกรดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted GPA) ซึ่งเป็นการคิดเกรดโดยคำนึงถึงจำนวนหน่วยกิตของแต่ละวิชา โดยมีขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนการคำนวณ GPA

- ทราบจำนวนหน่วยกิตของแต่ละวิชา: หน่วยกิตเป็นตัวเลขที่บอกถึงความหนักของวิชา เช่น วิชาหนึ่งอาจมี 3 หน่วยกิต หรือ 4 หน่วยกิต

- คำนวณเกรดแต่ละวิชาเป็นคะแนน: เปลี่ยนเกรดที่ได้ของแต่ละวิชาให้เป็นคะแนนตามระบบเกรด เช่น A = 4.0, B+ = 3.5

- คูณเกรดด้วยจำนวนหน่วยกิตของแต่ละวิชา: สำหรับแต่ละวิชา ให้นำเกรดที่ได้มาคูณกับจำนวนหน่วยกิตของวิชานั้น เช่น ถ้าได้เกรด B+ ในวิชาที่มี 3 หน่วยกิต จะคำนวณได้ 3.5 × 3 = 10.5

- รวมคะแนนของทุกวิชา: นำคะแนนที่ได้จากการคำนวณเกรดแต่ละวิชามารวมกัน

- รวมจำนวนหน่วยกิตทั้งหมด: รวมจำนวนหน่วยกิตของทุกวิชาที่เรียนในเทอมนั้นๆ

- หารคะแนนรวมด้วยจำนวนหน่วยกิตรวม: หารผลรวมของคะแนนทุกวิชาด้วยผลรวมของจำนวนหน่วยกิตทั้งหมด

สูตรการคำนวณ GPA:GPA=(เกรด×หน่วยกิต)หน่วยกิตทั้งหมด\text{GPA} = \frac{\sum (\text{เกรด} \times \text{หน่วยกิต})}{\sum \text{หน่วยกิตทั้งหมด}}GPA=∑หน่วยกิตทั้งหมด∑(เกรด×หน่วยกิต)​

 

3. ตัวอย่างการคำนวณเกรดเฉลี่ย (GPA)

สมมติว่าในหนึ่งเทอม นักศึกษาเรียน 4 วิชา แต่ละวิชาได้เกรดและมีจำนวนหน่วยกิตดังนี้

วิชา A: ได้เกรด B+ (3.5) หน่วยกิต 3

วิชา B: ได้เกรด A (4.0) หน่วยกิต 3

วิชา C: ได้เกรด C+ (2.5) หน่วยกิต 2

วิชา D: ได้เกรด B (3.0) หน่วยกิต 2

ขั้นตอนการคำนวณ

1. คำนวณเกรดถ่วงน้ำหนักแต่ละวิชา:

- วิชา A: 3.5 × 3 = 10.5

- วิชา B: 4.0 × 3 = 12.0

- วิชา C: 2.5 × 2 = 5.0

- วิชา D: 3.0 × 2 = 6.0

2. รวมคะแนนเกรดถ่วงน้ำหนัก: 10.5 + 12.0 + 5.0 + 6.0 = 33.5

3. รวมจำนวนหน่วยกิต: 3 + 3 + 2 + 2 = 10

4. หารคะแนนรวมด้วยจำนวนหน่วยกิตรวม:

GPA=33.510=3.35GPA = \frac{33.5}{10} = 3.35GPA=1033.5​=3.35

ดังนั้น เกรดเฉลี่ยสะสม (GPA) ของนักศึกษาในเทอมนั้นคือ 3.35

 

4. เคล็ดลับในการรักษาเกรดเฉลี่ยให้สูง

- จัดลำดับความสำคัญ: วิชาที่มีจำนวนหน่วยกิตสูงจะส่งผลต่อเกรดเฉลี่ยมากกว่าวิชาที่มีหน่วยกิตน้อย ควรให้ความสำคัญกับวิชาที่มีหน่วยกิตมาก

- ทำงานส่งตรงเวลา: งานในมหาวิทยาลัยมักมีการกำหนดส่งที่ชัดเจน อย่าลืมจัดการเวลาของคุณเพื่อทำงานส่งให้ตรงเวลา

- ขอคำแนะนำจากอาจารย์: หากคุณไม่เข้าใจเนื้อหา อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากอาจารย์หรือผู้ช่วยสอน

 

          การคำนวณเกรดและการทำความเข้าใจระบบการให้เกรดเป็นทักษะสำคัญสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย การเรียนรู้วิธีคำนวณเกรดและการรักษาเกรดเฉลี่ยให้สูง จะช่วยให้นักศึกษาสามารถวางแผนการเรียนรู้และบรรลุเป้าหมายทางการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

การติดโปร รีไทร์คืออะไร? ต้องได้เกรดท่าไหร่จะไม่โดนรีไทร์

การติดโปร และ การรีไทร์ เป็นคำที่ใช้ในระบบการเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อบ่งบอกถึงสถานะทางการเรียนของนักศึกษา มีความหมายดังนี้

1. การติดโปร (Probation)

การติดโปร หรือ Probation คือสถานะที่มหาวิทยาลัยให้กับนักศึกษาที่มีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดในภาคการศึกษานั้นๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นถูกให้ออกจากการเป็นนักศึกษา โดยเกณฑ์การติดโปรมักเป็นดังนี้:

- เกรดเฉลี่ยต่อภาคการศึกษา (GPAX) ต่ำกว่า 2.00: หากนักศึกษาได้เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 2.00 แต่ยังไม่ต่ำเกินไปจนถึงจุดรีไทร์ มหาวิทยาลัยจะให้สถานะ "ติดโปร" เพื่อเตือนว่านักศึกษาต้องปรับปรุงผลการเรียน

- ช่วงเวลาที่ต้องแก้ไข: หากนักศึกษายังคงติดโปรต่อเนื่องมากกว่า 2-3 ภาคการศึกษาโดยไม่สามารถเพิ่มเกรดเฉลี่ยขึ้นมาให้พ้นเกณฑ์ได้ อาจเสี่ยงต่อการพ้นสภาพ (รีไทร์)

2. การรีไทร์ (Retire)

การรีไทร์คือการที่นักศึกษาถูกพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย เนื่องจากผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งอาจเกิดจาก:

- เกรดเฉลี่ยสะสม (GPA) ต่ำกว่าเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด: เช่น ต่ำกว่า 1.50 หรือ 2.00 ตามนโยบายของแต่ละสถาบัน

- ติดโปรต่อเนื่องหลายภาคการศึกษา: หากนักศึกษายังติดโปรหลายภาคการศึกษาโดยไม่สามารถแก้ไขผลการเรียนได้ จะถูกพิจารณาให้ออกจากการเป็นนักศึกษา

- ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการศึกษา: เช่น ไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

การติดโปรเป็นโอกาสให้นักศึกษาได้ปรับปรุงตนเองก่อนที่จะถูกพิจารณารีไทร์

 

ยกตัวอย่าง มหาวิทยาลัยบูรพา

เมื่อเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว สิ่งที่หลาย ๆ คนต้องเจอนั่นก็คือระบบการตัดเกรด จากการใช้ 0 ถึง 4 เปลี่ยนมาใช้ A จนกระทั่ง F ซึ่งหลายคนถึงขนาดเครียดจัด เลยไม่กล้ากินปลา (Fish) หรือดูหนังไม่กล้า นั่งแถว F เพราะกลัวติด F ก็มี ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่อย่างหนึ่งที่หลาย ๆ คนจะต้องได้ยินแน่นอน คือ คำว่า โปร และ ไทร์ คำว่า ไทร์ ย่อมากจาก “Retire” แปลง่ายๆ ว่า พ้นสภาพนิสิต มีได้หลายกรณี แต่ที่เป็นที่ (ไม่น่า) นิยมมากที่สุด ก็คือ การรีไทร์จากผลการเรียน นั่นคือ มีเกรดเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 1.75 ส่วนคำว่า โปร ย่อมาจาก “Probation” แปลเป็น ไทยง่ายๆ ก็คือ สถานะรอพินิจ แยกย่อยได้ 2 ประเภท คือ

- โปรสูง นั่นคือเกรดเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 2.00 แต่มากกว่า 1.80 ถ้าน้อง ๆ ติดโปรสูงเกิน 4 เทอม ถ้าเทอมที่ 5 เกรด เฉลี่ยสะสมยังหนีไม่พ้น 1.80 – 2.00 โดนรีไทร์เช่นกัน

- โปรต่ำ นั่นคือเกรดเฉลี่ยสะสมน้อยกว่า 1.80 แต่มากกว่า 1.75 ถ้าน้อง ๆ ติดโปรต่ำเกิน 2 เทอม ถ้าเทอมที่ 3 เกรดเฉลี่ยสะสมยังหนีไม่พ้น 1.75 – 1.79 โดนรีไทร์ได้เช่นกัน

 

ยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยมหิดล

การจำแนกสภาพ (ติดโปร, รีไทร์)

1. การจำแนกสภาพนักศึกษา

สำหรับนักศึกษาที่เข้าศึกษาเป็นปีแรก จะจำแนกสภาพนักศึกษาเมื่อสิ้นภาคการศึกษาที่สอง ตามการจัดการศึกษาแบบทวิภาค หรือสิ้นภาคการศึกษาที่สาม ตามการจัดการศึกษาแบบไตรภาค นับตั้งแต่เริ่มเข้าศึกษา

ส่วนนักศึกษาที่ศึกษาตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป จะจำแนกสภาพนักศึกษา เมื่อสิ้นภาคการศึกษาปกติของแต่ละภาค หรือเมื่อสิ้นปีการศึกษาสำหรับหลักสูตรที่มีการศึกษาต่อเนื่องตลอดปี สำหรับนักศึกษาที่จะยื่นความจำนงขอรับอนุปริญญาหรือ ปริญญาตรีอาจให้จำแนกสภาพนักศึกษา เมื่อสิ้นภาคการศึกษาฤดูร้อนได้

2. การจำแนกสภาพนักศึกษาให้พิจารณาว่าเป็นนักศึกษาสภาพปกติ หรือสภาพวิทยาทัณฑ์ ดังต่อไปนี้

- นักศึกษาสภาพปกติ ได้แก่ นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนเป็นภาคการศึกษาแรก หรือนักศึกษาที่สอบได้แต้มเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.00

- นักศึกษาสภาพวิทยาทัณฑ์ ได้แก่ นักศึกษาที่สอบ ได้แต้มเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 1.50 แต่ไม่ถึง 2.00 จำแนกออกเป็น 2 ประเภท คือ

ประเภทที่ 1 ได้แก่ นักศึกษาที่สอบได้แต้ม เฉลี่ยสะสม ตั้งแต่ 1.50 แต่ไม่ถึง 1.80

ประเภทที่ 2 ไดแ้ก่ นักศึกษาที่สอบได้แต้ม เฉลี่ยสะสม ตั้งแต่ 1.80 แต่ไม่ถึง 2.00

ฐานะชั้นปีของนักศึกษา

ให้เทียบฐานะชั้นปีของนักศึกษาจากจำนวนหน่วยกิตที่สอบได้ ตามอัตราส่วนของหน่วยกิตรวมของหลักสูตรนั้น

การพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา

นักศึกษาจะพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาในกรณี ดังต่อไปนี้

1. ศึกษาครบตามหลักสูตร และได้รับอนุมัติให้ได้รับอนุปริญญาหรือปริญญา ตามข้อ 20

2. ได้รับอนุมัติจากอธิการบดีให้ลาออก

3. อธิการบดีสั่งให้พ้นจากสภาพการเป็นนักศึกษาในกรณี ดังต่อไปนี้

1) เมื่อมีการจำแนกสภาพนักศึกษา และมีแต้มเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 1.50

2) นักศึกษาสภาพวิทยาทัณฑ์ประเภทที่ 1 ที่มีแต้มเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 1.80 อีก 2 ภาคการศึกษาติดต่อกันที่มีการจำแนกสภาพนักศึกษาตามการจัดการศึกษาแบบทวิภาค หรืออีก 3 ภาคการศึกษาติดต่อกันที่มีการจำแนกสภาพนักศึกษาตามการจัดการศึกษาแบบไตรภาค หรืออีก 1 ปี การศึกษาที่มีการจำแนกสภาพนักศึกษา โดยใช้ระบบอื่นตามข้อ 5.3

3) นักศึกษาสภาพวิทยาทัณฑ์ประเภทที่ 2 ที่มีแต้มเฉลี่ยสะสมต่า กว่า 2.00 อีก 4 ภาคการศึกษาติดต่อกันที่มีการจำแนกสภาพนักศึกษาตามการจัดการศึกษาแบบทวิภาค หรืออีก 6 ภาคการศึกษาติดต่อกันที่มีการจำแนกสภาพนักศึกษาตามการจัดการศึกษาแบบไตรภาค หรืออีก 2 ปี การศึกษาที่มีการจำแนกสภาพนักศึกษา โดยใช้ระบบอื่นตามข้อ 5.3

4) ลงทะเบียนเรียนซ้ำในรายวิชาบังคับครบจำนวนคร้ังตามข้อ 9.2(3) แล้ว ผลการศึกษาหรือผลการสอบ ยังคง “ไม่ได้” หรือ “ไม่ผ่าน”

5) มีเวลาเรียนเกิน 2 เท่าของเวลาที่กำหนดในหลักสูตร

6) เมื่อพ้นกำหนดเวลา 2 สัปดาห์แรกของภาคการศึกษา แล้วยังไม่ลงทะเบียนเรียน หรือยังไม่ได้ดำเนินการรักษาสภาพการเป็นนักศึกษา โดยขาดการติดต่อ หรือโดยไม่มีเหตุผลสมควร

7) นักศึกษาประพฤติผิดวินัยตามข้อบังคับว่าด้วยวินัยนักศึกษาของมหาวิทยาลัย หรือสถาบันร่วม/สถาบันสมทบ

8) มีปัญหาทางจิตจนเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา และ/หรือ จะเป็นอุปสรรคต่อ การประกอบวิชาชีพ ท้ังนี้ให้มหาวิทยาลัยแต่งต้ังคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาข้อมูล และนำเสนอสภามหาวิทยาลัยเพื่ออนุมัติ

9) ถูกลงโทษตามข้อ 22

10) เสียชีวิต


 

ต้องได้เกรดเท่าไหร่ถึงจะได้ เกียรตินิยม

การได้ เกียรตินิยม ในระดับมหาวิทยาลัยขึ้นอยู่กับ เกรดเฉลี่ยสะสม (GPA) และข้อกำหนดต่างๆ ที่แต่ละสถาบันการศึกษากำหนดไว้ โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ เกียรตินิยมอันดับ 1 และ เกียรตินิยมอันดับ 2 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

1. เกียรตินิยมอันดับ 1 (First-Class Honors)

- เกรดเฉลี่ยสะสม (GPA) ต้องไม่ต่ำกว่า 3.50 ขึ้นไป

- เกรดเฉลี่ยในแต่ละภาคการศึกษาต้องคงที่และไม่ตกต่ำจนเกินไป (แม้จะไม่มีการกำหนดเกรดเฉลี่ยรายภาคการศึกษา แต่โดยทั่วไปควรมีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 3.50 ทุกภาคการศึกษา)

- ต้องเรียนจบภายในระยะเวลาที่หลักสูตรกำหนด (โดยปกติ 4 ปีสำหรับปริญญาตรี)

- ไม่มีการสอบซ้ำหรือการเรียนซ้ำรายวิชาที่ได้เกรดไม่ดี

2. เกียรตินิยมอันดับ 2 (Second-Class Honors)

- เกรดเฉลี่ยสะสม (GPA) ต้องไม่ต่ำกว่า 3.25 หรือ 3.00 ขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง)

- เงื่อนไขอื่นๆ เหมือนกับการได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เช่น ต้องเรียนจบภายในระยะเวลาหลักสูตรและไม่มีการสอบซ้ำหรือเรียนซ้ำรายวิชาที่เกรดต่ำ

สรุปเกณฑ์ที่สำคัญ

- เกียรตินิยมอันดับ 1: GPA ≥ 3.50

- เกียรตินิยมอันดับ 2: GPA ≥ 3.25 (หรือ 3.00 ขึ้นอยู่กับสถาบัน)

 
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook TCAS
  • 29 Followers
  • Follow