เมื่อเข้าสู่ช่วงเปิดเทอม การใช้ชุดทดสอบ ATK เพื่อตรวจหาเชื้อ โควิด-19 จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น หากเด็ก ๆ มีอาการหรือพบเชื้อจะได้เข้ารับการรักษาที่ถูกต้องได้อย่างทันท่วงที

รศ.พญ.วนัทปรียา หัวหน้าสาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ให้คำแนะนำในการใช้ชุดทดสอบ ATK ให้กับเด็ก ๆ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Siriraj Channel ว่า "ผู้ปกครองที่ต้องการใช้ชุดทดสอบ ATK กับเด็ก แนะนำให้เลือกแบบน้ำลาย และการป้ายจมูก (Swab จมูก) ข้อควรระวังคือ ผู้ปกครองต้องการขั้นตอนการใช้ชุดทดสอบ ATK แต่ละชุดอย่างละเอียดและเข้าใจ เพื่อให้ได้ผลตรวจที่ถูกต้องแม่นยำ"

ข้อสำคัญคือ ชุดทดสอบ ATK หรือชุดตรวจโควิด-19 ควรผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ว่าชุดทดสอบดังกล่าวมีความไวในการวินิจฉัยโรคโควิด-19 อย่างน้อย 90% และต้องมีความจำเพาะในการวินิจฉัยโควิด-19 อย่างน้อย 98%

วิธีการตรวจ ATK ให้เด็ก

ชุดตรวจแบบน้ำลาย

1. อธิบายขั้นตอนการตรวจทั้งหมดให้เด็กรับรู้และเข้าใจ

2. นำสารละลายบัฟเฟอร์ และแถบตรวจออกมาจากกล่อง วางเตรียมไว้

3. ให้ลูกบ้วนน้ำลายลงในหลอดทดสอบที่มีน้ำยาอยู่

4. ปิดฝาหลอดทดสอบให้สนิท คว่ำหลอดขึ้นลงอย่างน้อย 10 ครั้ง

5. หยดสารในหลอดทดสอบลงในหลุมทดสอบจำนวน 3 หยด

6. รออ่านผล

ชุดตรวจแบบป้ายจมูก

1. อธิบายขั้นตอนการตรวจทั้งหมดให้เด็กรับรู้และเข้าใจ

2. ให้เด็กเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

3. ให้คุณพ่อคุณแม่ใช้ไม้ swab แหย่เข้าไปในจมูกเด็ก ให้ไม้ swab ตั้งฉากกับใบหน้า และให้ไม้แนบไปกับพื้นด้านล่างจมูก ลึกประมาณ 1.5-2 ซม. จนขนเยื่อบุจมูก ข้อควรระวังคือ ไม่ควรแหย่ไม้ swab ขนานกับสันจมูก เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้

4. ค่อย ๆ หมุนไม้ swab ช้า ๆ หมุนประมาณ 4 รอบ หรือประมาณ 15 วินาที ทำวิธีการเดียวกันกับรูจมูกทั้ง 2 ข้าง

5. บอกเด็กว่าไม่ควรดิ้นหรือหันหน้าหนีขณะทดสอบ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ หากรู้สึกเจ็บหรือพบปัญหาให้ยกมือบอก

6. นำไม้ swab ใส่ลงในหลอดที่มีน้ำยาทดสอบ หมุนไม้ประมาณ 10 รอบ

7. บีบปลายหลอดให้แน่น พร้อมรูดปลายไม้ swab ออกมา เพื่อให้น้ำยาไม่ติดค้างอยู่ที่ก้านไม้

8. ปิดฝาหลอดให้แน่น ทิ้งไว้ตามระยะเวลาที่คู่มือเครื่องทดสอบกำหนดไว้

9. หยดน้ำยาลงในชุดทดสอบ 3 หยด

10. รออ่านผล

หากคุณพ่อคุณแม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ชุดตรวจ ATK สามารถเข้าไปดูขั้นตอนอย่างละเอียดได้ในคลิปด้านล่างนี้

การใช้ชุดตรวจ ATK ทั้งในผู้ใหญ่และเด็กมีขั้นตอนที่เหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างกันคือ ก่อนตรวจคุณพ่อคุณแม่ต้องพูดคุยกับเด็กให้เข้าใจถึงสาเหตุที่ต้องตรวจ รวมไปถึงขั้นตอนการตรวจว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้เด็กเข้าใจ และลดความวิตกกังวลของเด็กลง เพราะหากเด็กดิ้นหรือมีปฏิกิริยาต่อต้านขณะที่ตรวจอยู่ อาจก่อให้เกิดอันตรายได้